ASTV ผู้จัดการรายวัน - ภาคตลาดทุนเร่งปปง.คุยภาครัฐ ผลักดันกฏหมายฟอกเงิน “สมพล”ชี้ทำต้นทุนสูง กระทบขีดความสามารถการแข่งขัน ด้าน ก.ล.ต.มองตลาดหุ้นไทยยังน่าเชื่อถือจากเรตติ้งในระดับที่ดี ติงการออก กฏหมายต้องรอบคอบ ให้อำนาจปปง.มากกว่าศาล อาจมีผลต่อการลงทุน ล่าสุดตลาดหุ้นวานนี้เพิ่มขึ้น 4 จุด รับข่าวดีกรีซ โบรกฯเตือนจับตาราคาน้ำมัน
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึง กรณีคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ได้มีมติขึ้นบัญชีดำไทย ในรายชื่อประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงิน ว่าเรื่องนี้ทำให้ไทยมีควาามเสี่ยงในการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น เพราะมีต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น ตามขั้นตอนรายละเอียอดที่มากขึ้น ซึ่งจะต้องพิสูจน์ที่มาของเงิน ทำให้เสียโอกาสในการแข่งขัน อาจทำให้นักลงทุนมองการลงทุนในไทยไม่สะดวก จนอาจหลีกเลี่ยงลงททุนในประเทศอื่น ดังนั้นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ควรพูดคุยกับรัฐบาล เพื่อรีบผลักดันเรื่องนี้โดยเร็ว
ด้านนาย จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบกับตลาดทุน แต่จะไปกระทบธนาคาร และบริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จึงอยากให้รัฐเร่งออกกฏหมายที่มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อปีหน้า ประเทศไทยจะได้รับการจัดอันดับเรตติ้งในระดับที่ดี
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ยังไม่น่ากังวลในเรื่องนี้มากนัก เพราะไทยยังไม่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ เพียงแต่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ อีกทั้งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ได้เรตติ้งในอันดับที่ดีจึงไม่น่าได้รับกระทบ อย้างไรก็ตามมองว่าถ้ากฏหมายใหม่ออกมาก การให้อำนาจแก่ปปง.มากกว่าศาล อาจมีผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องเรื่องนี้ควรต้องทำอย่างรอบคอบ
**หุ้นไทยขึ้น4จุดรับข่าวดีกรีซ
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ระดับ 1,140.39 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด หรือ 0.39% มูลค่าการซื้อขาย 35,330.50 ล้านบาท โดยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน รับข่าวดีที่กรีซได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน และมีแรงซื้อจากการเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี โดยนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอัก 3,469.13 ล้านบาท
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้เริ่มนิ่ง หลังจากที่ตลาดฯรับข่าวกรณีของกรีซไปเรียบแล้ว หลังจากนี้เรื่องที่ต้องจับตามองคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว อีกทั้งยังมีทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาชาติตะวันตกและอิหร่านว่าจะส่งผลกระทบเพิ่มเติมหรือไม่ โดยให้กรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,125 จุด แนวต้านที่ 1,150 จุด ซึ่งถ้าหากหลุดให้ขายเพราะคาดว่าตลาดหุ้นจะลงแรง
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึง กรณีคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ได้มีมติขึ้นบัญชีดำไทย ในรายชื่อประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงิน ว่าเรื่องนี้ทำให้ไทยมีควาามเสี่ยงในการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น เพราะมีต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น ตามขั้นตอนรายละเอียอดที่มากขึ้น ซึ่งจะต้องพิสูจน์ที่มาของเงิน ทำให้เสียโอกาสในการแข่งขัน อาจทำให้นักลงทุนมองการลงทุนในไทยไม่สะดวก จนอาจหลีกเลี่ยงลงททุนในประเทศอื่น ดังนั้นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ควรพูดคุยกับรัฐบาล เพื่อรีบผลักดันเรื่องนี้โดยเร็ว
ด้านนาย จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบกับตลาดทุน แต่จะไปกระทบธนาคาร และบริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จึงอยากให้รัฐเร่งออกกฏหมายที่มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อปีหน้า ประเทศไทยจะได้รับการจัดอันดับเรตติ้งในระดับที่ดี
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ยังไม่น่ากังวลในเรื่องนี้มากนัก เพราะไทยยังไม่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ เพียงแต่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ อีกทั้งที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยก็ได้เรตติ้งในอันดับที่ดีจึงไม่น่าได้รับกระทบ อย้างไรก็ตามมองว่าถ้ากฏหมายใหม่ออกมาก การให้อำนาจแก่ปปง.มากกว่าศาล อาจมีผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน ดังนั้นเรื่องเรื่องนี้ควรต้องทำอย่างรอบคอบ
**หุ้นไทยขึ้น4จุดรับข่าวดีกรีซ
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ระดับ 1,140.39 จุด เพิ่มขึ้น 4.47 จุด หรือ 0.39% มูลค่าการซื้อขาย 35,330.50 ล้านบาท โดยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน รับข่าวดีที่กรีซได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน และมีแรงซื้อจากการเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี โดยนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอัก 3,469.13 ล้านบาท
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้เริ่มนิ่ง หลังจากที่ตลาดฯรับข่าวกรณีของกรีซไปเรียบแล้ว หลังจากนี้เรื่องที่ต้องจับตามองคือการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว อีกทั้งยังมีทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาชาติตะวันตกและอิหร่านว่าจะส่งผลกระทบเพิ่มเติมหรือไม่ โดยให้กรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,125 จุด แนวต้านที่ 1,150 จุด ซึ่งถ้าหากหลุดให้ขายเพราะคาดว่าตลาดหุ้นจะลงแรง
