xs
xsm
sm
md
lg

“นูสกิน”เจาะตลาดคนแก่ล้นโลก ไทย-สิงคโปร์ชิงฐานผลิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “นูสกิน” เล็งจ้างโออีเอ็มในเซาท์อีสต์เอเชียหลังตลาดเติบโตดี บริษัทแม่ชูเป็นตลาดยุทธศาสตร์ เผยไทย-สิงคโปร์ ชิงดำฐานผลิต ชี้ตลาดลดเลือนริ้วรอยมาแรงแซงไวท์เทนนิ่ง รับคนแก่อายุเลย 55 ปี เต็มโลก

นางเมลิซ่า ทันโทโกะ คีอาโน่ ประธาน นูสกิน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก และสมาชิกสภาที่ปรึกษาของสมาพันธ์ขายตรงโลก เปิดเผยว่า บริษัทแม่ของนูสกิน ที่อเมริกาอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะเลือกระหว่างประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์เพื่อใช้เป็นฐานผลิตนอกประเทศอเมริกาเป็นครั้งแรกโดยใช้วิธีว่าจ้างโรงานอื่นผลิตให้แบบโออีเอ็ม (ไม่นับรวมโรงงานที่จีน เพราะเป็นกฎหมายของจีนที่ต้องลงทุนตั้งโรงงาน ) คาดว่าจะสรุปได้ไตรมาสแรกนี้ โดยสินค้ากลุ่มแรกๆที่คาดว่าจะทำการผลิตคือ สินค้าที่ขายดี เช่น ไลฟ์แพค กาวาร์นิคสปา จี3 เป็นต้น

ทั้งนี้ไทยเองก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะผลิตสินค้าของนูสกิน เนื่องจากมีความพร้อม และเป็นตลาดที่มียอดขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเซาท์อีสท์เอเชีย และนูสกินในไทยมีอายุครบ 15 ปี ขณะที่สิงคโปร์มีอายุเพียง 10 ปี เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรีจีนัลฮับของภูมิภาคนี้เมื่อต้นปีนี้อย่างเป็นทางการ จากเดิมเป็นเพียงแค่ฐานในการส่งสินค้าเท่านั้นหรือแวร์เฮาส์ จากที่ทั้งหมดต้องนำสินค้าเข้าจากอเมริกา

“นูสกินไม่มีนโยบายสร้างโรงงานเองแต่เราจะมีความพร้อมด้านการวิจัยและพัฒนา ล่าสุดต้นปี 2554 นูสกินได้เข้าซื้อลิขสิทธิ์กิจการสถาบันวิจัยพันธุวิศวกรรมไลฟ์เจนเทคโนโลยี มูลค่า 350 ล้านบาท เพื่อเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและการค้นคว้ารหัสพันธุกรรมหรือ ยีน และจะเป็นผู้เดียวที่ได้ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญาทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันในการนำผลงานวิจัยมาต่อยอดเป็นเทคโนโลยีเอจล็อค ซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีของนูสกิน”

สำหรับผลประกอบการของนูสกินทั่วโลกปีที่แล้ว 2554 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดขายรวม 1,740 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 13% ขณะที่ยอดขายนูสกินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิกปีที่แล้วมีประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงที่สุดเช่นกัน ซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทให้ความสำคัญมากขึ้น โดยมีไทยเป็นตลาดหลักยอดขายมากที่สุด รองลงมาคือ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน ซึ่งทุกประเทศเติบโตทั้งหมด โดยปี 2546 ภูมิภาคนี้มีสัดส่วนยอดขาย 8% ของนูสกินทั่วโลก แต่ปีที่แล้วเพิ่มเป็น 14%

ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตดี คือ สินค้าชะลอความชรา ซึ่งชัดมากขึ้นเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา จากเดิมสินค้าที่มาแรงคือกลุ่มไวท์เทนนิ่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยคาดว่าตลาดสินค้าต่อต้านความเสื่อมชราจะมีมูลค่า 275 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าปี 2558 จะเติบโต 70% เนื่องจากแนวโน้มจากนี้ไม่ถึง 10 ปี ประชากรที่มีอายุมากกว่า 55 ปี จะมีมากกว่าประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีเป็นครั้งแรก

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นูสกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานจะเดินตามนโยบายบริษัทแม่เพื่อขึ้นครองความเป็นผู้นำตลาดต่อต้านและลดริ้วรอย ซึ่งในไทยตลาดดังกล่าวมีมูลค่า 15,000 ล้านบาทเติบโต 10% โดยยอดขายนูสกินไทยปีที่แล้วมีประมาณ 2,200 ล้านบาทเติบโต10% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10% สัดส่วนยอดขายมาจากเพอร์ชันนัลแคร์และกลุ่มเสริมอาหารเท่ากัน 50% แบ่งสัดส่วนมาจากกรุงเทพฯ 60% ต่างจังหวัด 40% คาดว่าปีนี้ต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 45% และคาดว่าอีก 2 ปีสัดส่วนจะเท่ากัน โดยปีนี้มีแผนจะสร้างศูนย์เพิ่มอีก 3 แห่งเช่น ที่ นครปฐม อุดรธานี จากเดิมมี 8 ศูนย์
กำลังโหลดความคิดเห็น