xs
xsm
sm
md
lg

จี้รัฐฯออกกม.ฟอกเงิน สลัดแบล็กลิสต์FATF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -"อภิสิทธิ์" บี้รัฐเร่งออกกฎหมายฟอกเงิน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการก่อการร้าย เพื่อช่วยไทยพ้นบัญชีดำFATF เด้งรับ "โคฟี่" ชี้ปรองดองไม่ยาก หากไม่ดึงสถาบันกษัตริย์ มาสู่ความขัดแย้ง เผยคุย " ซูจี " ชี้แนว ทางปรองดองจะเดินหน้าหรือไม่ อยู่ที่ ทัศนคติผู้มีอำนาจพร้อม ยืนยันไทยหนุนการปฏิรูปในพม่า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่องค์กรคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงินของฝรั่งเศส (FATF) ขึ้นบัญชีดำ ประกาศเป็น 1 ใน 5 ของ FATF ที่ไม่ป้องกันการฟอกเงิน และให้ทุนการก่อการร้าย ว่า องค์กรดังกล่าวห่วงใยต่อปัญหาการฟอกเงินเกี่ยวกับการก่อการร้าย โดยระบุว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลที่แล้วได้มีการออกแผนปฏิบัติการ ว่า สิ่งที่ต้องการคือ การเดินหน้าตามแผนปฏิบัติการนั้นโดยหัวใจสำคัญคือ การเร่งออกกฏหมาย กฏระเบียบต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ตนคิดว่าจำป็นอย่างมากก็คือรัฐบาล และรัฐสภา ต้องเร่งออกกฎหมาย เพื่อให้มีมาตราฐานเกี่ยวกับการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เป็นที่ยอมรับในระดับของสากล

นอกจากนี้ ในระดับนโยบาย จะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรที่เข้ามาดูแลในเรื่องเหล่านี้ ในรัฐบาลที่แล้วทางรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ก็ทำงานอย่างใกล้ชิด เพราะทราบว่าจะมีความคาดหวังในหลายเรื่องที่ต้องการผลักดันให้มีความคืบหน้า ซึ่งบางครั้งต้องให้ฝ่ายนโยบายไปอธิบายถึงข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ขบวนการ การตรากฏหมาย ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะถ้าไม่มีคนระดับสูงที่เข้าไปติดตาม ก็จะเป็นปัญหาได้ ทั้งเนื้อหาสาระรัฐบาลต้องเร่งทำ และในที่สุดแล้วเราก็จะได้ไม่อยู่ในบัญชีนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาในอดีต ก็เคยมีการเตือน แต่ไม่เคยมีการดำเนินการอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงก็เห็นชัดแล้วว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นข้อจำกัดของกระบวนการ เขาก็ยอมรับว่าในระดับของการเมืองมีความมุ่งมั่นตั้งใจ แต่มีความล่าช้าที่จะเดินตามแผนปฏิบัติการ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ และเหตุการณ์ในช่วงหลังที่เกิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิด หรือ ข่าวการก่อการร้าย หรือ การก่อวินาศกรรม ตรงนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขและให้ความมั่นใจ และสิ่งสำคัญคือการเร่งนำเสนอกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่คาดหวัง ส่วนที่จะต้องมีการเพิ่มฐานความผิดของปปง.ด้วยหรือไม่นั้น ตนคิดว่า มันมีข้อเสนอแนะที่เป็นมาตราฐานที่ต้องเร่งผลักดัน

เมื่อถามว่าการตรวจตราเข้าออกประเทศไทย และการตรวจสารตั้งต้นต่างๆ ควรเข้มงวดมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือเป็นส่วนสำคัญแต่ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องการฟอกเงิน หรือเส้นทางการเงินที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรม เขาอยากเห็นเรามีมาตรฐานในเรื่องนี้ รวมถึงเหตุการณ์การก่อเหตุร้ายทางภาคใต้ด้วย โดยมองในภาพรวม มากกว่า ว่ากติกาของการดูแลการทำธุรกรรมการเงิน การไหลเข้าไหลออกของเส้นทางการเงิน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสนับสนุนกิจกรรมเหล่านี้ มากกว่าในภาพรวม

** ต้องไม่ดึงสถาบันฯสู่ความขัดแย้ง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ระบุประเทศไทยมีความปรองดองได้ไม่ยากว่า ตนเห็นว่า จุดที่เป็นจุดร่วมคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ควรดึงมาสู่ความขัดแย้ง จะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดอง การแสวงหาจุดร่วม เป็นสิ่งสำคัญ อะไรที่ทำแล้วเกิดความขัดแย้ง ก็ให้รอไว้ก่อน ถ้ารัฐบาลยึดถือหลักนี้ ก็สามารถเดินหน้าความปรองดองได้

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการพบกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ได้คุยกันหลายเรื่องว่าคนไทยและรัฐบาลไทย พร้อมกับเพื่อนในกลุ่มประเทศอาเซี่ยนต้องการเห็นความก้าวหน้าของพม่าในการปฏิรูป และได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ การเดินทางครั้งนี้ ตนได้ยืนยันถึงการสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อม ที่กำลังจะมีบทบาทของพรรคฝ่ายค้านในประเทศพม่า ภาพรวมของการบริหารทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องมีการปฏิรูปไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะเรื่องการรับมือการไหลมาของเงินทุน ในการลงทุนในพม่า

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พม่าเองก็มีความเป็นห่วงประเทศไทย และไม่อยากเห็นการเกิดความขัดแย้ง ที่ไหน เพราะเขาเองก็เป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุนเรื่องของสันติวิธี และสันติภาพมาโดยตลอด และมีการแลกเปลี่ยนความเห็นด้วยว่าบางทีการปรองดอง หรือการเดินหน้า จะขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่า จะมีทัศนคติแบบไหน ทัศนคติแบบที่เห็นว่า เมื่อตนมีอำนาจแล้ว ต้องยื่นมือเข้าไปหาฝ่ายต่างๆ หรือมีทัศนคติว่า เมื่อมีอำนาจแล้วทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง หมายความว่า ก็รวบทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมีผลต่างกัน

เมื่อถามว่า พม่าตอนนี้ก็เริ่มมีความปรองดอง แต่ไทยกลับยังไม่มีเลยนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกประเทศคิดว่า ในกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตย ก็ต้องมีอุปสรรค ตนยืนยันว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ต้องการที่จะเดินไปข้างหน้า แต่ว่าตัวปัญหาการเมือง เป็นสิ่งที่ต้องคลี่คลาย

** พท.นัดถกปัญหาฟอกเงิน 21 ก.พ.นี้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยถูกขึ้นบัญชีดำ ประกาศเป็น 1 ใน 5 ของ FATF ที่ไม่ป้องกันการฟอกเงิน และให้ทุนการก่อการร้าย ว่า พรรคเพื่อไทย จะมีการประชุมในวันอังคารที่ 21 ก.พ.นี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของส.ส. พิจารณาปรับปรุงกฎหมาย ก่อนจะนำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาชาติ

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย จะมีการหารือเกี่ยวกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ทั้งร่างของพรรคเพื่อไทย ร่างของรัฐบาลและ ร่างพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อให้เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมด เป็นไปในทิศทางเดียวกัน.
กำลังโหลดความคิดเห็น