xs
xsm
sm
md
lg

ก่อการร้าย ธุรกิจ ธุรกรรม

เผยแพร่:   โดย: ชัยพันธุ์ ประภาสะวัต

เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยชาวต่างชาติครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน ทันทีที่เกิดเหตุ สื่อต่างชาติได้ประโคมข่าวกันไปทั่วโลก มีการเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ที่ต้องการล้างแค้นคู่ปรับเก่าอย่างอิสราเอล แต่ต่อมากลุ่มดังกล่าวได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกเขาแน่นอน เพราะจากพฤติกรรมอ่อนหัดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการต่อชนวนระเบิดผิดพลาดจนระเบิดบ้านพักของตัวเอง โมโหแท็กซี่แล้วขว้างระเบิดใส่ หรือปาระเบิดใส่ตำรวจแล้วโดนตัวเองขาขาด

ส่วนผู้ที่หลบหนีไปได้ก็ถูกจับอย่างง่ายดายในภายหลังที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดเหตุขนาดนี้จะต้องถูกดักจับแน่นอน นายอริสมันต์หรือผู้ก่อการร้ายในไทยอีกหลายรายยังเก่งกว่า เพราะสามารถหลบหนีไปได้หลังเกิดเหตุเผาบ้านเผาเมือง ครั้งนั้นฝ่ายข่าวกรองย่อมรู้ดีว่าแผนการหลบหนีไปต่างประเทศของบรรดาหัวโจกทั้งหลายเขาวางไว้อย่างไร แต่กลับปล่อยให้หลายคนลอยนวลอยู่ในต่างประเทศได้

ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองและฝ่ายการเมืองต่างออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่านี่ไม่ใช่การก่อการร้าย พูดกันไปคนละทิศละทาง นายกรัฐมนตรีโฟร์ซีซั่นส์ก็ไม่สามารถชี้แจงอะไรให้ประชาชนเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐที่จะคุ้มครองประชาชนให้อบอุ่นใจ หุ้นร่วงกันระนาว นานาชาติต่างพากันประกาศเตือนคนของตนให้ระวังการเดินทางมาประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประเทศทางแถบยุโรป จีน รัสเซีย กำลังหนาวสุดขั้ว เป็นช่วง High Season ที่มีนักท่องเที่ยวทะลักเข้าไทยมาเป็นจำนวนมากเพื่อหนีหนาว รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทยต้องมาชะงักเพราะข่าวก่อการร้ายครั้งนี้

ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ยินว่าสวิตเซอร์แลนด์เปรียบเหมือนสวรรค์ของนักการเมืองขี้โกง รวมทั้งนายทุนใหญ่ๆ ทั่วโลกที่ลักลอบขนเงินไปแอบฝากไว้ในธนาคารสวิส แต่ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยกลายเป็นดุจสวรรค์บนดินของบรรดาผู้ก่อการร้ายทั่วโลกไปแล้ว มีทั้งแก๊งต้มตุ๋นข้ามชาติ แหล่งพักยาเสพติดรายใหญ่ของโลก ที่หลบซ่อนของอาชญากรนานาชาติ แหล่งฟอกเงินของนักธุรกิจขี้โกงทั่วโลก ที่พักของสายลับ ที่หากินของโสเภณีข้ามชาติ ฯลฯ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ไม่ต้องบอกก็คงวิเคราะห์กันได้ว่าประเทศนี้นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงส่วนใหญ่ “เห็นแก่เงิน”

ไม่แปลกอะไรที่จะเห็นข่าวฝรั่งมาตั้งฮาเร็มที่มีทั้งเด็กหญิงและชายไว้ปรนเปรอทางเพศ หลายครั้งที่จับได้ไม่ใช่จากความสามารถของเจ้าหน้าที่ แต่เป็นเพราะประชาชนที่ไม่อาจทนต่อพฤติกรรมเหล่านั้นต้องไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางไปจับกุม ในขณะที่เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นทั้งหลายรับประทานเงินกันไปจนพุงกาง ระดับนายใหญ่เดินพุงพลุ้ยจนเครื่องแบบแทบปริ สถานบริการผิดกฎหมาย บ่อนเถื่อน หวยเถื่อน แรงงานเถื่อนเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ยาเสพติดหาได้ง่ายทุกซอกซอย ปราบกันได้เป็นล้านๆ เม็ดไม่มีวันหมดสิ้น ตราบใดที่นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ยังหากินอยู่กับสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่

คฤหาสน์หรูๆ บนเกาะสมุยราคาหลายสิบหลายร้อยล้านจำนวนมากทั้งบนภูเขาและชายทะเล มีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ คนท้องถิ่นที่นั่นกลับกลายเป็นเพียงผู้อาศัย พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ก็แทบไม่ต่างกัน ประเทศไทยยังมีเสรีภาพทุกตารางนิ้วไม่ต่างอะไรจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเพียงคุณมีเงิน ฝรั่งบางรายถึงกับกล่าวว่า “ทำไมต้องไปนั่งทำความดีทั้งชีวิตเพื่อรอไปขึ้นสวรรค์ ทั้งที่ไม่มีใครบอกได้ว่ามีจริงหรือไม่ แต่ที่เมืองไทยยูอยู่ได้เหมือนบนสวรรค์ชั้น 7 ถ้ายูมีเงิน ตามมาด้วยอิทธิพลและอำนาจ ที่นี่ถ้ามีเงิน เหล็กก็งอ หินก็อ่อนได้ นับประสาอะไรกับหว่างขาคน ไอสามารถหาภรรยาได้ 365 วันโดยไม่ซ้ำกันเลย ไม่มีที่ไหนอีกแล้วเท่าไทยแลนด์ ไอเลิฟไทยแลนด์เวรี่มัช”

ผู้ไม่หวังดีได้ส่งข่าวให้ทราบว่าชมรมผู้ก่อการร้ายสากลในประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่ามิใช่การกระทำของสมาชิกชมรม เพราะเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิในการก่อการร้ายข้ามชาติ หนึ่งในข้อตกลงนั้นคือ ห้ามก่อการร้ายในประเทศไทยเพราะที่นี่คือบ้านหลังที่ 2 ของพวกเขา ในขณะที่สหรัฐอเมริกา และอิสราเอลกลับบอกว่านี่คือฝีมือของผู้ก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ แต่ก็ถูกปฏิเสธในทันที การกระทำที่เกิดขึ้นในอินเดียหรือไทย มีนักวิเคราะห์ยืนยันว่านี่คือการทุบหม้อข้าวของพวกเขา มีคนสวมรอยและป้ายสีอย่างแน่นอน

เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ความจริง มีแต่นักทฤษฎี นักวิเคราะห์ทั้งหลายว่ากันไปต่างๆ นานา แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือประเทศไทยกำลังเตรียมเพิ่มงบประมาณในการป้องกันการก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้น จังหวัดเชียงใหม่เตรียมงบประมาณหลายพันล้านบาทเพื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วทั้งเมือง ส่วนจะเป็นกล้องจริงหรือกล้องหลอกเหมือนในกรุงเทพฯ และภาคใต้นั้น ต้องติดตามกันเอาเอง

เมื่อมีโรคร้ายใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็จะมีบริษัทที่คิดค้นยารักษาออกมาขาย ไม่นานก็ร่ำรวยกันอื้อซ่า ไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ๆ ออกมา บริษัทแอนตี้ไวรัสก็จะสร้างโปรแกรมกำจัดไวรัสตัวใหม่ออกมาขายได้เสมอเช่นเดียวกัน เมื่อมีก่อการร้ายที่ไหน ธุรกิจป้องกันการก่อการร้ายก็เฟื่องฟู เครื่องตรวจโลหะถูกติดตั้งให้เห็นกันเกลื่อนตามสถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ ศาล และอาคารสำนักงานใหญ่ๆ แทบทุกแห่ง ใครรู้บ้างว่ามูลค่ามหาศาลขนาดไหน

ผมเห็นเครื่องตรวจโลหะยี่ห้อ Garette ที่นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ถูกนำมาติดตั้งไว้ในหลายๆ ที่ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำเข้ามา และคุ้มค่าแค่ไหนกับการใช้งาน เพราะไม่เคยเห็นว่ามันจะตรวจจับอะไรได้เลย นอกจากเดินผ่านให้มันร้องหนวกหู เพื่อให้รปภ.ที่ไม่มีความรู้อะไรขอเอาไฟฉายส่องกระเป๋าดูพอเป็นพิธี แล้วก็ปล่อยผ่านไป ยิ่งสถานที่ไหนมีคนเข้าออกจำนวนมาก เครื่องร้องเสียงดังตรวจเวลา รปภ.ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ติดเครื่องนี้ไว้แล้วมันจะช่วยอะไรได้แค่ไหนก็ช่างมันอย่างนั้นหรือ?

ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ถูกกรอกหูเรื่องก่อการร้าย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ก็ต้องซื้อเครื่องมือเหล่านี้เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ดูเหมือนจะเป็นแค่เจว็ดให้ผู้ก่อการร้ายตกใจไม่กล้าเดินผ่านเท่านั้นเอง ทั้งที่ราคาเครื่องละหลายแสน แต่ประโยชน์และประสิทธิภาพของมันคุ้มค่าหรือไม่?

เหตุก่อการร้ายทั้งหลายในโลกล้วนเกิดขึ้นควบคู่ไปกับธุรกิจรักษาความปลอดภัย ค้ากล้องวงจรปิด ขายเครื่องตรวจอาวุธ เช่นเดียวกับนักค้าอาวุธที่ชอบสงคราม จอมรู้ดีอย่างสหรัฐอเมริกาน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าใคร
กำลังโหลดความคิดเห็น