“ยุทธศักดิ์” ยังไม่ชัวร์บึ้มกลางกรุงเป็นก่อการร้าย รอผลการสอบสวน แต่ดูจากกระเบิดแค่มุ่งทำร้ายตัวบุคคล เผยขณะที่กำลังตรวจสอบว่า 3 ผู้ก่อเหตุเป็นชาวอิหร่านจริงหรือไม่ ยัน รบ.ให้ความสำคัญด้านความมั่นคงของชาติ พร้อมดูแลความปลอดภัยของประชาชน-นักท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯ วันนี้ (16 ก.พ.) ซึ่งมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีเรื่องปัญหาการก่อการร้ายจากกรณีเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2555 โดยนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดในวันที่ 14 ก.พ.นั้นอุกอาจกลางกรุง ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศอิสราเอลได้เตือนมาว่ามีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เดินทางมาประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ได้ออกคำเตือนพลเมืองของตัวเองในการเดินทางประเทศไทย นับแต่มีเหตุระเบิดกลางเมือง ทางรัฐบาลไม่ได้มาทำความเข้าใจว่าเหตุการณที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ก่อเหต และทำเพื่ออะไร จนกระทั่งเมื่อวาน (15 ก.พ.) มีข่าวจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นคนละกลุ่มกับการเตือนกลุ่มก่อการร้ายจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
โดยดูจากระเบิดมีรัศมีทำลายล้างไม่กว้าง จึงที่ไม่ใช่หวังทำร้ายคน แต่ก็ขอให้ระวัง แต่ไม่ถึงกับเป็นการก่อการร้าย แต่เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ครบรอบการลอบสังหารแกนนำระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ในประเทศซีเรีย และมีการพูดว่าจะตอบโต้ตาต่อตาฟันต่อฟัน จึงมีเหตุระเบิดในอินเดีย จอร์เจีย และสุดท้ายที่ประเทศไทย ดังนั้น อยากถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ.เป็นโจรกระจอกหรือขบวนการก่อการร้ายเหมือนที่ประเทศต่างๆ ได้ออกประกาศเตือนไว้
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ เพราะกระทบความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการเรื่องการข่าว เรื่องการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งตรวจสอบคนเข้าเมืองและสถานการณ์ต่างๆ รอบ กทม.และต่างจังหวัดให้เข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ เราได้เฝ้าติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 54 ตั้งแต่มีข่าวว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น ทางรัฐบาลไทยถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นความผิดส่วนบุคคล และเป็นเรื่องการใช้กฎหมายภายในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยถือว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการก่อความรุนแรงที่กระทบความมั่นคงของชาติโดยตรง จึงต้องมีความร่วมมือกันในทุกระดับ ทั้งการเมือง นโยบาย และภาคประชาชน
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า วัตถุระเบิดที่ก็เป็นการมุ่งกระทำต่อตัวบุคคลไม่ใช่เหตุรุนแรงขนาดใหญ่อย่างการก่อการร้าย ซึ่งกำลังให้ทุกฝ่ายสืบสวนอยู่จึงเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเป็นการก่อการร้าย ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับนายอาทริส ฮุสเซน สัญชาติสวีเดน เชื้อชาติเลบานอนที่จับได้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งการเชื่อมโยงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์กับประเทศอิหร่านก็ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นคนละสัญชาติ เชื้อชาติ และระเบิดก็เป็นคนละชนิดกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เจตนาหรือมูลเหตุในการใช้ระเบิดก็ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถือพาสปอร์ตประเทศอิหร่าน ซึ่งเรากำลังตรวจสอบเอกสารตัวบุคคลว่าถือสัญชาติอิหร่านแล้วจะเป็นคนอิหร่านจริงหรือไม่
นายธนากล่าวว่า ทางรัฐบาลไทยได้ประสานงานขอข้อมูลและแผนปฏิบัติการยับยั้งการเกิดเหตุหรือไม่ เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงหย่อนยาน ไม่มีประสิทธิภาพในการติดตามผู้กระทำความผิด เพราะระหว่างที่มีการจับกุมผู้ต้องหาที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายมาซุด เซดฮาฮัด ซาเดท ผู้ก่อเหตุอีกคนก็อยู่ที่สนามบินในเวลาดังกล่าวด้วย ได้หลบหนีออกจากไทย ซึ่งสุดท้ายทางการประเทศมาเลเซียจับกุมตัวได้ แสดงถึงการปล่อยปละให้หนีออกนอกประเทศไทย ความไม่บูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากถามว่าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ยืนยันต่อประชาชนว่าไทยมีความมั่นใจในความปบลอดภัยในสถานที่สาธารณะได้หรือไม่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ชี้แจงว่า เรื่องความสามารถของหน่วยงานที่ดำเนินการไปถือว่าหน่วยข่าวกรอง และความมั่นคงได้ดำเนินการทันเวลา หากหย่อนยานคงไม่สามารถจับคนที่ 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ทันเวลา และได้ประสานไปยังประเทศมาเลเซียให้จับคนที่ 3 ได้ ถือว่าเป็นการร่วมมือกันได้ทันเวลา
นอกจากนี้ รัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานต่างๆ เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มจุดตรวจให้เข้มงวดในทุกจังหวัดที่ติดต่อชายแดนต่างประเทศ รวมทั้งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศว่าสถานการณ์ที่เกิดไม่ใช่ก่อการร้ายเพื่อให้ทุกประเทศเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันออกกลางและตะวันตกเพิ่มมากขึ้นทุกที ทาง สมช. และสำนักข่าวกรองก็เพิ่มมาตรการการข่าวยิ่งขึ้นตามสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อลดภัยคุกคามภายในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด
นายธนากล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุท่าทีของรัฐบาลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เพราะไม่ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศที่จะเดินทางมาประเทศไทย การที่ไม่สามารถออกมาชี้ชัดได้ว่าเป็นการดำเนินการของขบวนการหรือไม่ อย่างไร ทำให้ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวลดลง เพราะขบวนการก่อการร้ายมีเครือข่ายไปทุกประเทศ เลือกใช้คนในทุกประเทศเพื่อก่อการร้ายได้ตามที่มุ่งหวัง แม้ผลความรุนแรงจะน้อยแต่ก็เป็นการสะท้อนในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งตนไม่สบายใจต่อท่าทีของรัฐบาลยังไม่ได้สร้างความชื่อมั่นต่อคนไทยว่ามีระเบิดที่พร้อมก่อการร้ายในประเทศไทยแค่ไหน อย่างไร อยากถามว่าการเดินทางมาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวบางประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าหรือออนอาร์ไรวัลจะสามารถแยกผู้ก่อการร้ายออกจากนักท่องเที่ยวได้อย่างไร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศมาฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ชี้แจงให้เข้าใจ ทั้งนี้ หากดูจากคำประกาศเตือนของประเทศต่างๆ จะแตกต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเขาแจ้งเตือนคนของเขาให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทย แต่การแจ้งเตือนครั้งนี้ เช่น สหรัฐฯ แนะนำให้พลเมืองของตนเองระมัดระวังการอยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งลักษณะการเตือนแบบนี้ไม่ใช่ให้หลีกเลี่ยงการมาไทย ซึ่งจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศได้กำชับแล้วว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขอวีซ่ามาประเทศไทยเราจะตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าฝ่ายความมั่นคงหย่อนยาน เพราะกระทรวงการต่างประเทศให้ความเชื่อมั่นว่าทางการไทยได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว ซึ่งตอนที่ประเทศมาเลเซียจับกุมตัวนายมาซุดได้นั้น ตนรู้ก่อนที่ข่าวจะออกว่ามีการจับกุมได้แล้วแต่ปิดเป็นความลับ
ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดเรื่อง ความเชื่อมั่นของประเทศไทยต่อต่างประเทศกรณีคนร้ายปาระเบิดพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ตกลงว่าลักษณะการก่อเหตุเราแบ่งคำว่าก่อการร้ายกับกรณีอย่างอื่นอย่างไร เพราะทุกวันนี้เราใช้กันพร่ำเพรื่อสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีกรณีใช้คำว่าก่อการร้ายกัน อยากรู้ว่าคำว่าก่อการร้ายแบ่งกันอย่างไร นอกจากนี้ อยากถามว่ารัฐบาลมีในนโยบายในเรื่องการท่องเที่ยวว่าจะทำอย่างไร และจะมีการชี้แจงต่อนักท่องเที่ยวให้เข้าใจต่อสถานการณ์อย่างไร และอยากรู้ว่า 50 ปีมานี้ไทยเคยมีสถานการณ์รุนแรงมากจนถึงเรียกได้ว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
นายสุรพงษ์ชี้แจงว่า ทางฝ่ายความมั่นคงระบุว่าเป็นการมุ่งลอบสังหารบุคคลมากกว่าการก่อวินาศกรรม เพราะการก่อวินาศกรรมต้องใช้ระเบิดขนาดใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เป็นการใช้ซีโฟร์ ยืนยันว่าไม่ใช่ก่อการร้ายแน่นอน เราจะให้ข้อมูลตลอดเวลาถึงความคืบหน้าต่างๆ ซึ่งการจับกุมทั้ง 3 คนร้ายที่ก่อเหตุเราจับได้หมดถือเป็นสิ่งดี เป็นการพิสูจน์ว่าเราได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวสบายใจได้ ไม่อยากให้คนไทยทำร้ายกันเองโดยการกระพรือข่าวบางเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งขอเตือนให้ระวังเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ยืนยันว่าประเทศไทยเราวางตัวเป็นกลาง มีแต่มิตรประเทศไม่มีศัตรูกับใคร รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับนานาประเทศมาโดยตลอด