ASTVผู้จัดการรายวัน -กลุ่มปตท. กำไร 1 แสนล้านในปี 54 จากรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท ตั้งเป้า 5 ปี ใช้เงินลงทุนทั้งกลุ่มแตะ 9 แสนล้านบาท พร้อมผลักดันบริษัทขึ้นสู่เป้าหมายบริษัทพลังงานข้ามชาติอัน1ใน 3 ของเอเชีย
ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ ว่า ปตท. มีวิสัยทัศน์ในการมุ่งไปสู่การเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติขนาดใหญ่ (Big) เพื่อให้สามารถแข่งขันกับบริษัทพลังงานข้ามชาติได้ โดยมีสายโซ่อุปทานที่ยาว (Long) ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดพลังร่วมในการสร้างมูลค่าเพิ่มของธุรกิจ และมีระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรที่เข้มแข็ง (Strong) เพื่อสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก อันจะส่งผลให้สามารถใช้ศักยภาพดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดแคลนแม้ในยามวิกฤต
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2554 ของ ปตท. แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจาก ปตท. มีแผนการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและการให้บริการ ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 47,246 ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมผลการดำเนินงานจากบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการลงทุนอีก 58,050 ล้านบาทแล้ว กลุ่ม ปตท. จะมีกำไรสุทธิรวม 105,296 ล้านบาท จากรายได้จากการขายและบริการรวม 2,428,165 ล้านบาท มีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจ่าย (EBITDA) 210,748 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ ปตท. ในวันนี้ ทำให้ ปตท. สามารถนำเงินส่งรัฐได้สูงสุดถึงประมาณ 63,000 ล้านบาท โดยนำส่งในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 39,000 ล้านบาท และ ในรูปเงินปันผลประมาณ 24,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดสรรเงินสำหรับลงทุนในปี 2555 กว่า 91,000 ล้านบาท และงบฯลงทุน 5 ปี ประมาณ 720,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของ ปตท. ประมาณ 360,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน ได้แก่ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 และส่วนขยายไปยังนครสวรรค์และนครราชสีมา โครงการขยายขีดความสามารถในการนำเข้าก๊าซหุงต้มและก๊าซแอลเอ็นจี ฯลฯ ส่วนการลงทุนของบริษัท ปตท.สผ. อีกประมาณ 360,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแหล่งก๊าซฯ และน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ และถ้ารวมกับบริษัทอื่นๆในกลุ่ม จะทำให้งบการลงทุนรวมสูงถึง 900,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทต้องหาเงินลงทุนเพิ่มอีกเพียง 45,000ล้านบาทเท่านั้น
“ในเงินลงทุนที่ต้องหามาเพิ่ม 4.5 หมื่นล้าน 2 หมื่นล้านเราได้มาแล้วกจาการออกหุ้นกู้เมื่อปีก่อน และจะมีการออกหุ้นกู้อีก 1.5หุ้นล้านบาทช่วงพ.ค.นี้ ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนด ส่วนอีก 1 หมื่นล้านบาทเรากำลังพิจารณาจะใช้วิธีใด”
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. กล่าวถึงคาดการณ์รายได้ของบริษัทในปี2555 ว่า รายได้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่า ปี2554 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อน 27.9% มาอยู่ที่ 2,428,165 ล้านบาทแน่ โดยคาดว่าจะมาจากการเติบจากยอดขายก๊าซธรรมชาติ4-5% ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าจะทรงตัวจากปีที่ผ่านมา
โดยบริษัทตั้งเป้าจะผลิตและจำหน่ายน้ำมัน 900,000 บาร์เรล/วัน ในปี 2565 จะผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 70 ล้านตันในปี 2563 พร้อมทั้งมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของตนเอง 3 ล้านไร่ใน 2556 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติอันดับ1ใน3ของเอเชีย อีกทั้งจะมีการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคอินโดจีนมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็นผู้จัดหาพลังงานให้แก่ประเทศไทยในสัดส่วน 52%ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2565 จากปัจจุบันที่อยู่ในระดัล 18%
ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ ว่า ปตท. มีวิสัยทัศน์ในการมุ่งไปสู่การเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติขนาดใหญ่ (Big) เพื่อให้สามารถแข่งขันกับบริษัทพลังงานข้ามชาติได้ โดยมีสายโซ่อุปทานที่ยาว (Long) ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดพลังร่วมในการสร้างมูลค่าเพิ่มของธุรกิจ และมีระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรที่เข้มแข็ง (Strong) เพื่อสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก อันจะส่งผลให้สามารถใช้ศักยภาพดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดแคลนแม้ในยามวิกฤต
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2554 ของ ปตท. แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจาก ปตท. มีแผนการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและการให้บริการ ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 47,246 ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมผลการดำเนินงานจากบริษัทในกลุ่มตามสัดส่วนการลงทุนอีก 58,050 ล้านบาทแล้ว กลุ่ม ปตท. จะมีกำไรสุทธิรวม 105,296 ล้านบาท จากรายได้จากการขายและบริการรวม 2,428,165 ล้านบาท มีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจ่าย (EBITDA) 210,748 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของ ปตท. ในวันนี้ ทำให้ ปตท. สามารถนำเงินส่งรัฐได้สูงสุดถึงประมาณ 63,000 ล้านบาท โดยนำส่งในรูปภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 39,000 ล้านบาท และ ในรูปเงินปันผลประมาณ 24,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดสรรเงินสำหรับลงทุนในปี 2555 กว่า 91,000 ล้านบาท และงบฯลงทุน 5 ปี ประมาณ 720,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของ ปตท. ประมาณ 360,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน ได้แก่ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 4 และส่วนขยายไปยังนครสวรรค์และนครราชสีมา โครงการขยายขีดความสามารถในการนำเข้าก๊าซหุงต้มและก๊าซแอลเอ็นจี ฯลฯ ส่วนการลงทุนของบริษัท ปตท.สผ. อีกประมาณ 360,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแหล่งก๊าซฯ และน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ และถ้ารวมกับบริษัทอื่นๆในกลุ่ม จะทำให้งบการลงทุนรวมสูงถึง 900,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทต้องหาเงินลงทุนเพิ่มอีกเพียง 45,000ล้านบาทเท่านั้น
“ในเงินลงทุนที่ต้องหามาเพิ่ม 4.5 หมื่นล้าน 2 หมื่นล้านเราได้มาแล้วกจาการออกหุ้นกู้เมื่อปีก่อน และจะมีการออกหุ้นกู้อีก 1.5หุ้นล้านบาทช่วงพ.ค.นี้ ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนด ส่วนอีก 1 หมื่นล้านบาทเรากำลังพิจารณาจะใช้วิธีใด”
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. กล่าวถึงคาดการณ์รายได้ของบริษัทในปี2555 ว่า รายได้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่า ปี2554 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อน 27.9% มาอยู่ที่ 2,428,165 ล้านบาทแน่ โดยคาดว่าจะมาจากการเติบจากยอดขายก๊าซธรรมชาติ4-5% ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าจะทรงตัวจากปีที่ผ่านมา
โดยบริษัทตั้งเป้าจะผลิตและจำหน่ายน้ำมัน 900,000 บาร์เรล/วัน ในปี 2565 จะผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 70 ล้านตันในปี 2563 พร้อมทั้งมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันของตนเอง 3 ล้านไร่ใน 2556 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติอันดับ1ใน3ของเอเชีย อีกทั้งจะมีการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคอินโดจีนมากขึ้น พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็นผู้จัดหาพลังงานให้แก่ประเทศไทยในสัดส่วน 52%ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2565 จากปัจจุบันที่อยู่ในระดัล 18%