ASTVผู้จัดการรายวัน-ประชุมเจบีซีราบรื่น ไทย-กัมพูชา ตกลงเปิดด่านถาวรแห่งใหม่ สะตึงบท-บ้านหนองเอี่ยน พร้อมเดินหน้าสำรวจปักปันเขตแดน แต่ไม่ยุ่งพื้นที่เขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ก.พ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 ก.พ.2555 ที่โรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตัน กรุงเทพฯ ฝ่ายไทยมีนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนกัมพูชามีนายวาร์ คิม ฮง รัฐมนตรีอาวุโส ผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน เป็นหัวหน้าคณะ โดยการประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.00 น. และเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลา 14.00 น. จากนั้นผู้แทนทั้ง 2 ฝ่าย ได้ลงนามบันทึกผลการประชุมร่วมกัน
นายบัณฑิตกล่าวถึงผลการประชุมเจบีซี ตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า มีการหารืออย่างใกล้ชิดและบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในทางสร้างสรรค์ร่วมกัน และทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อตกลงร่วมกัน คือ การเสนอให้มีการเปิดด่านถาวรแห่งใหม่บริเวณด่านสะตึงบท-บ้านหนองเอี่ยนระหว่าง จ.สระแก้ว และ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา และจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคลงพื้นที่สำรวจภูมิประเทศ ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เพื่อรองรับการเปิดด่านต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการคัดเลือกคุณสมบัติบริษัทที่จะมาจัดทำแผนที่ดังกล่าวร่วมกันด้วย และยังได้ตกลงว่าการสำรวจหลักเขตแดนจะเริ่มตั้งแต่สิ่งที่ง่ายไปหายาก ส่วนกรณีปราสาทพระวิหาร ไม่ได้หยิบยกมาหารือในครั้งนี้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโลก
ด้านนายวาร์ คิม อง กล่าวถึงผลการประชุมครั้งนี้ว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างไทยกับกัมพูชาในการจัดทำเรื่องเขตแดน และถือว่าประสบความสำเร็จเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ การประชุมเจบีซีครั้งต่อไป ประเทศกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในช่วงกลางปีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การคัดเลือกบริษัทถ่ายทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มีบริษัทที่อยู่ในสเปคที่วางไว้ คือ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ แต่ก่อนจะสรุปการคัดเลือกบริษัท จะต้องตกลงเรื่อง TOR ของการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับ technical instruction ให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน ส่วนการดำเนินการสำรวจ และปักปันเขตแดนตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ระยะทาง 798 กม.นั้น ได้ถูกแบ่งเป็นพื้นที่ 7 ตอน โดยขณะนี้มีการสำรวจหลักเขตแล้ว จำนวน 48 หลัก และอีก 25 หลัก ที่ยังหาหลักหมุดไม่พบ เพราะอาจสูญหายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออาจถูกเคลื่อนย้าย จึงต้องดำเนินการสำรวจกันต่อไป
ทั้งนี้ เดิมเจบีซีได้ตกลงกันจะให้มีการปักหลักในพื้นที่ ส่วนที่ 7 คือ พื้นที่ใกล้บริเวณปราสาทพระวิหารให้เสร็จสิ้นเป็นพื้นที่แรก แต่ด้วยขณะนี้บริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นดินแดนพิพาท และอยู่ในระหว่างที่ศาลโลก กำลังพิจารณาคดีอยู่ ทั้ง 2 ฝ่าย
จึงเห็นสมควรว่า ไม่ควรจะไปแตะต้องพื้นที่ดังกล่าว เพราะเป็นพื้นที่ที่บอบช้ำและอ่อนไหวมาก จึงมีแนวคิดว่า สมควรให้ดำเนินการปักหลักในพื้นที่ 5 คือ หลักเขตที่ 1-23 ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ในสถานการณ์ขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ก.พ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจบีซี ครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 ก.พ.2555 ที่โรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตัน กรุงเทพฯ ฝ่ายไทยมีนายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะ ส่วนกัมพูชามีนายวาร์ คิม ฮง รัฐมนตรีอาวุโส ผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน เป็นหัวหน้าคณะ โดยการประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 09.00 น. และเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลา 14.00 น. จากนั้นผู้แทนทั้ง 2 ฝ่าย ได้ลงนามบันทึกผลการประชุมร่วมกัน
นายบัณฑิตกล่าวถึงผลการประชุมเจบีซี ตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า มีการหารืออย่างใกล้ชิดและบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในทางสร้างสรรค์ร่วมกัน และทั้ง 2 ฝ่าย ได้ข้อตกลงร่วมกัน คือ การเสนอให้มีการเปิดด่านถาวรแห่งใหม่บริเวณด่านสะตึงบท-บ้านหนองเอี่ยนระหว่าง จ.สระแก้ว และ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา และจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคลงพื้นที่สำรวจภูมิประเทศ ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เพื่อรองรับการเปิดด่านต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการคัดเลือกคุณสมบัติบริษัทที่จะมาจัดทำแผนที่ดังกล่าวร่วมกันด้วย และยังได้ตกลงว่าการสำรวจหลักเขตแดนจะเริ่มตั้งแต่สิ่งที่ง่ายไปหายาก ส่วนกรณีปราสาทพระวิหาร ไม่ได้หยิบยกมาหารือในครั้งนี้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโลก
ด้านนายวาร์ คิม อง กล่าวถึงผลการประชุมครั้งนี้ว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างไทยกับกัมพูชาในการจัดทำเรื่องเขตแดน และถือว่าประสบความสำเร็จเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ การประชุมเจบีซีครั้งต่อไป ประเทศกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในช่วงกลางปีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การคัดเลือกบริษัทถ่ายทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มีบริษัทที่อยู่ในสเปคที่วางไว้ คือ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ แต่ก่อนจะสรุปการคัดเลือกบริษัท จะต้องตกลงเรื่อง TOR ของการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ที่เกี่ยวข้องกับ technical instruction ให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน ส่วนการดำเนินการสำรวจ และปักปันเขตแดนตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ระยะทาง 798 กม.นั้น ได้ถูกแบ่งเป็นพื้นที่ 7 ตอน โดยขณะนี้มีการสำรวจหลักเขตแล้ว จำนวน 48 หลัก และอีก 25 หลัก ที่ยังหาหลักหมุดไม่พบ เพราะอาจสูญหายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออาจถูกเคลื่อนย้าย จึงต้องดำเนินการสำรวจกันต่อไป
ทั้งนี้ เดิมเจบีซีได้ตกลงกันจะให้มีการปักหลักในพื้นที่ ส่วนที่ 7 คือ พื้นที่ใกล้บริเวณปราสาทพระวิหารให้เสร็จสิ้นเป็นพื้นที่แรก แต่ด้วยขณะนี้บริเวณดังกล่าวได้กลายเป็นดินแดนพิพาท และอยู่ในระหว่างที่ศาลโลก กำลังพิจารณาคดีอยู่ ทั้ง 2 ฝ่าย
จึงเห็นสมควรว่า ไม่ควรจะไปแตะต้องพื้นที่ดังกล่าว เพราะเป็นพื้นที่ที่บอบช้ำและอ่อนไหวมาก จึงมีแนวคิดว่า สมควรให้ดำเนินการปักหลักในพื้นที่ 5 คือ หลักเขตที่ 1-23 ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ในสถานการณ์ขณะนี้
