ฉะเชิงเทรา - แม่น้ำบางปะกงเอ้อล้นเป็นวันที่สอง ระดับน้ำโก่งตัวสูงจนล้นบ่าเข้าท่วมจวนผู้ว่าฯ ส่วนชุมชนริมน้ำยังชุ่มฉ่ำ ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำออกจากที่พักอาศัยขณะที่ถนนเลียบแนวชายฝั่งริมแม่น้ำท่วมเสูงถึง 20 เซ็นติเมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำบางปะกง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงเป็นวันที่สอง พบว่าพื้นที่เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรามีน้ำเอ่อไหลทะลักจากลำน้ำบางปะกงอย่างต่อเนื่อง และยังมีระดับสูงกว่าวันวาน สามารถวัดความสูงของระดับได้ที่หลักหมุดวัดระดับน้ำที่ 1หน้าสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา อยู่ ที่ระดับ 3.87 เมตรจากระดับน้ำลงต่ำสุด และสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 1.87 เมตร
ซึ่งในวันนี้ ( 15 ตุลาคม) น้ำจากแม่น้ำบางปะกงได้เอ่อล้นขึ้นจากลำน้ำและไหลผุดตามปากท่อระบายน้ำ เข้าท่วมถนนมรุพงษ์ สูงจากวันวานอีก 10 เซ็นติเมตร นอกจากนี้ยังได้เอ่อไหลเข้าท่วมบ้านพักของ นายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราอีกด้วย โดยมีระดับน้ำสูง 20-30 เซ็นติเมตร.
ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณริมชายแม่น้ำ ล้วนถูกน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเอ่อไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะบริเวณชุมชนหน้าเมือง ที่มีน้ำขังกว่า 40-50 เซ็นติเมตรจนชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำออกมาอยู่ยังภายนอกชุมชน
และเมื่อเวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวยังได้เข้าสำรวจสภาพน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา พบชาวบ้านยังคงผนึกกำลังต่อสู้กับน้ำในลำน้ำบางปะกง
ที่กำลังเอ่อหนุนสูงสุดจนเต็มลำน้ำ และเตรียมที่จะทะลักบ่าข้ามถนนคันคลองชลประทาน สายบางขนาก-ท่าไข่ ซึ่งระดับน้ำทั้งสองฝั่งมีสภาพที่แตกต่างกันมาก
โดยทางฝั่งขวาของถนนแนวคันคลองกั้นน้ำที่มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา เต็มไปด้วยน้ำที่เอ่อไหลออกมาจากแม่น้ำบางปะกง ท่วมพื้นที่เกษตรกรรม และบ้านเรือน ของประชาชน
ส่วนพื้นที่ฝั่งซ้ายของคันคลองกลับไม่มีภาวะน้ำท่วม ซึ่งลำคลองดังกล่าวเป็นคลองชลประทานสาขาแยกออกมาจากคลองท่าไข่ และเชื่อมต่อออกมาจากคลองนครเนื่องเขต ที่ตัดกันกับคลองแสนแสบ โดยมีสภาพแห้งสนิท พื้นที่เกษตรกรรมใกล้แนว คลองแสนแสบต่อเนื่องไปจนถึงเขตมืนบุรีนับแสนไร่ไม่ถูกน้ำท่วม โดยระดับน้ำในลำคลองต่ำกว่าปากคลองมาก
ซึ่งถือว่าทั้งสองฝั่งของแนวกั้นสายนี้มีความแตกต่างกันมาก
หลังสอบถามชาวบ้านเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งเรื่องน้ำท่วมที่ไม่เท่ากันว่ามีขึ้นหรือไม่ ชาวบ้านตอบว่านอกจากจะไม่มีการทะเลาะกันแล้ว ชาวบ้านยังให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมป้องกันแนวกั้นน้ำเส้นนี้เป็นอย่างดี โดยชาวบ้านระบุว่า คนทั้งสองฝั่งเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกัน
ขณะที่นายจำลอง ประเสริฐศิลป์ อายุ 50 ปี กล่าวว่าคนในพื้นที่ไม่มีปัญหาใน ขัดแย้ง แต่ก็อยากจะขอความมั่นใจจากภาครัฐว่า เมื่อชาวบ้านได้ร่วมกันต่อสู้และป้องกันแนวคันกั้นน้ำไว้แล้วน้ำจะไม่ท่วมสูงล้นเกินกว่านี้" เนื่องจากที่ผ่านมา ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันถึงวันละ 5-10 เซนติเมตร ซึ่งหากระดับน้ำยังคงขึ้นไม่หยุด และแนวป้องกันเกิดการพังทลายน้ำอาจไหลบ่าปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ ขณะเดียวกันยังอยาก ภาครัฐ ส่งเครื่องมืองานหนัก (แบ็คโฮ)เข้ามาสนับสนุนในการเสริมคันดินให้เกิดความมั่นคงมากยิ่งขึ้น