ASTVผู้จัดการรายวัน -โฆษก ปชป.จวกรัฐบาลหาช่องกินกับเด็ก ป.1 เอาข้าวไทย 4 ล้านตัน 6 หมื่นล้าน กับ แท็บเล็ตจีน 5 แสนนเครื่อง มูลค่าแค่ 1.5 พันล้าน เชื่อเงินตกหล่นแถวเชียงใหม่เพียบ แฉโครงการรับจำนำข้าว-มันสำปะหลัง มีนักการเมือง พ่อค้า สวมสิทธิ์ เพียบ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะนำข้าว 4 ล้านตัน ไปแลกกับแท็บเล็ตของบริษัท หัว เหว่ย จากประเทศจีน 5 แสนเครื่อง ว่า อยากถามว่าข้าว 4 ล้านตัน ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท มูลค่าของข้าวทั้งหมดจะเท่ากับ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนแท็บเล็ตจีน 5 แสนเครื่อง ราคาเครื่องละ 3 พันบาทโดยประมาณ คิดเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท จึงอยากถามว่า แล้วส่วนต่าง 58,500 ล้านบาทไปตกหล่นอยู่ระหว่างประเทศไทย ถึงประเทศจีน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ อยากทราบว่าคิดได้อย่างไร เพราะมูลค่าต่างกันมาก เงิน 1,500 ล้านบาท กับ 6 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้ เรียกว่า ความคิดของคนที่มีสติปัญญาตั้งใจจะดูแลเยาวชนของชาติ หรือว่าต้องการเอาส่วนต่างตรงนี้มาดูแลสติปัญญาของพวกเดียวกันเอง เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องตอบ ตนไม่ว่า ถ้ารัฐบาลจะอ้างว่าเป็นนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน และต้องทำ แต่ทำโดยหากินกับชาวนา และเกษตรกร และกำลังจะหากินกับเด็กนักเรียน ป.1 นั้นเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ว่า โครงการจำนำข้าวในขณะนี้ล้มเหลว มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพียง 5 ล้านตัน จากเป้าหมาย 25 ล้านตัน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 25 วันก่อนจะสิ้นเดือนก.พ. ที่โครงการนี้จะหมดอายุ เพราะฉะนั้นขณะนี้นักการเมือง และพ่อค้าคนกลางกำลังวิ่งวุ่น ขาขวิด หาข้าวมาเติมกับโควต้าที่เหลืออีก 20 ล้านตัน แต่ที่สนุกไปกว่านั้นคือ โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ก็กำลังเป็นแบบเดียวกัน โดยที่ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรผูปลูกมันสำปะหลัง มีลานมันรับจำนำเพียงแห่งเดียว และไม่รับจำนำตามราคาที่รัฐบาลตั้งไว้ สิ่งที่เขาเรียกร้องคือ ลานมันที่รัฐบาลประกาศ 20 กว่าแห่ง ไม่มีคุณสมบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้ มากไปกว่านั้น เกษตรกรที่ จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ขณะนี้กำลังมีขบวนการนำมันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา เข้ามาสวมสิทธิ์ รับกันเนื้อๆกิโลกรัมละเกือบ 3 บาท แต่พี่น้องที่เป็นเกษตรกรชาวไทย ได้กิโลกรัมละ 1.20 บาท เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกร้องให้รัฐบาล นำโครงการประกันรายได้กลับมาใช้ ตนคิดว่ารัฐบาลยอมเสียหน้าดีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่หวงนโยบาย เพราะนโยบายประกันรายได้ เป็นสิ่งที่ดีกับประชาชน.
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะนำข้าว 4 ล้านตัน ไปแลกกับแท็บเล็ตของบริษัท หัว เหว่ย จากประเทศจีน 5 แสนเครื่อง ว่า อยากถามว่าข้าว 4 ล้านตัน ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท มูลค่าของข้าวทั้งหมดจะเท่ากับ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนแท็บเล็ตจีน 5 แสนเครื่อง ราคาเครื่องละ 3 พันบาทโดยประมาณ คิดเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท จึงอยากถามว่า แล้วส่วนต่าง 58,500 ล้านบาทไปตกหล่นอยู่ระหว่างประเทศไทย ถึงประเทศจีน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ อยากทราบว่าคิดได้อย่างไร เพราะมูลค่าต่างกันมาก เงิน 1,500 ล้านบาท กับ 6 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้ เรียกว่า ความคิดของคนที่มีสติปัญญาตั้งใจจะดูแลเยาวชนของชาติ หรือว่าต้องการเอาส่วนต่างตรงนี้มาดูแลสติปัญญาของพวกเดียวกันเอง เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องตอบ ตนไม่ว่า ถ้ารัฐบาลจะอ้างว่าเป็นนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน และต้องทำ แต่ทำโดยหากินกับชาวนา และเกษตรกร และกำลังจะหากินกับเด็กนักเรียน ป.1 นั้นเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่
นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ว่า โครงการจำนำข้าวในขณะนี้ล้มเหลว มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพียง 5 ล้านตัน จากเป้าหมาย 25 ล้านตัน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 25 วันก่อนจะสิ้นเดือนก.พ. ที่โครงการนี้จะหมดอายุ เพราะฉะนั้นขณะนี้นักการเมือง และพ่อค้าคนกลางกำลังวิ่งวุ่น ขาขวิด หาข้าวมาเติมกับโควต้าที่เหลืออีก 20 ล้านตัน แต่ที่สนุกไปกว่านั้นคือ โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ก็กำลังเป็นแบบเดียวกัน โดยที่ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรผูปลูกมันสำปะหลัง มีลานมันรับจำนำเพียงแห่งเดียว และไม่รับจำนำตามราคาที่รัฐบาลตั้งไว้ สิ่งที่เขาเรียกร้องคือ ลานมันที่รัฐบาลประกาศ 20 กว่าแห่ง ไม่มีคุณสมบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้ มากไปกว่านั้น เกษตรกรที่ จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ขณะนี้กำลังมีขบวนการนำมันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา เข้ามาสวมสิทธิ์ รับกันเนื้อๆกิโลกรัมละเกือบ 3 บาท แต่พี่น้องที่เป็นเกษตรกรชาวไทย ได้กิโลกรัมละ 1.20 บาท เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกร้องให้รัฐบาล นำโครงการประกันรายได้กลับมาใช้ ตนคิดว่ารัฐบาลยอมเสียหน้าดีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่หวงนโยบาย เพราะนโยบายประกันรายได้ เป็นสิ่งที่ดีกับประชาชน.
