“ชวนนท์” ถามเอาข้าว 4 ล้านตัน รวม 6 หมื่นล้าน แลกแท็บเล็ต 5 แสนเครื่อง แค่ 1.5 พันล้าน แล้วเงินส่วนต่างหายไปไหน สับหากินกับเด็ก ป.1 หยันรับจำนำข้าวล้มเหลว ทำนักการเมืองวิ่งขาขวิดหาของเติม 20 ล้านตัน แฉ นำมันสำปะหลังเขมรสวมสิทธิ์รับจำนำด้วย ชี้ “แม้ว” ยินดี “ปู” พบ “ป๋า” ยิ่งชัดหลอกแดงเพื่ออำนาจ
วันนี้ (12 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะนำข้าว 4 ล้านตันไปแลกกับแท็บเล็ต 5 แสนเครื่อง ของบริษัท หัว เหว่ย จากประเทศจีน ว่า อยากถามว่า ข้าว 4 ล้านตัน เกวียนละ 1.5 หมื่น มูลค่าของข้าวทั้งหมดตรงนั้นจะเท่ากับ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนแท็บเล็ต 5 แสนเครื่อง ราคา 3 พันบาทต่อเครื่องโดยประมาณ เพราะฉะนั้นคิดเป็นเงิน 1,500 ล้านบาท จึงอยากถามว่า แล้ว 58,500 ล้านบาท ไปตกหล่นอยู่ระหว่างประเทศไทยถึงประเทศจีน บริเวณจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ อยากทราบว่าคิดได้อย่างไร เพราะมูลค่าต่างกันไม่ถึง 2% กว่า เพราะ 1,500 ล้านบาท กับ 6 หมื่นล้านบาท ที่กำลังจะเป็นสินค้าแลกเปลี่ยนกันอย่างนี้เรียกว่า ความคิดของคนที่มีสติปัญญาตั้งใจจะดูแลเยาวชนของชาติหรือว่าต้องการเอาส่วนต่างตรงนี้มาดูแลสติปัญญาของพวกเดียวกันเอง ถือเป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องตอบ ตนไม่ว่าถ้ารัฐบาลจะอ้างว่าเป็นนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชนและต้องทำ แต่ทำโดยหากินกับชาวนาและเกษตรกร และกำลังจะหากินกับเด็กนักเรียน ป.1
ส่วนกรณีราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวในขณะนี้ล้มเหลวมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 5 ล้านตันจากเป้าหมาย 25 ล้านตัน ขณะนี้เหลือเวลาอีก 25 วันก่อนจะสิ้นเดือนก.พ.ที่โครงการนี้จะหมดอายุ เพราะฉะนั้นขณะนี้นักการเมืองและพ่อค้าคนกลางกำลังวิ่งวุ่นขาขวิดหาข้าวมาเติมกับโควต้าที่เหลืออีก 20 ล้านตัน แต่ที่สนุกไปกว่านั้น คือ โครงการรับจำนำมันสำปะหลังกำลังเป็นแบบเดียวกัน โดยที่อ.บ้านกรวดและอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรมันสำปะหลังมีลานมันรับจำนำเพียงแห่งเดียวและไม่รับจำนำตามราคาที่รัฐบาลตั้งไว้ สิ่งที่เขาเรียกร้อง คือ ลานมันที่รัฐบาลประกาศ 20 กว่าแห่ง ไม่มีคุณสมบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้ มากไปกว่านั้นเกษตรกรที่ จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ขณะนี้กำลังมีกระบวนการนำมันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชาเข้ามาสวมสิทธิ์ รับกันเนื้อๆ กิโลกรัมละเกือบ 3 บาท แต่พี่น้องที่เป็นเกษตรกรชาวไทยได้กิโลกรัมละ 1.20 บาท เพราะฉะนั้นเขาจึงเรียกร้องให้รัฐบาลนำโครงการประกันรายได้กลับมาใช้ ตนคิดว่า รัฐบาลยอมเสียหน้าดีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม้หวงนโยบาย ถ้านโยบายประกันรายได้เป็นสิ่งที่ดีกับประชาชน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การที่พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงและลังเลการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีตพูดชัดว่าจะแก้ไขเรื่องใดเพราะอะไร แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะทำให้ประชาชนสับสน พยายามจะอ้างกระบวนการ ส.ส.ร.เพื่อล้มล้างข้อกฎหมายบางข้อเพื่อผลประโยชน์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย เราถามท่านหลายครั้งว่าท่านจะแตะตรงนั้น แตะตรงนี้ แต่รัฐบาลไม่สามารถตอบได้เลย และอ้างว่า ได้รับเลือกตั้งมาเป็นประชาธิปไตย ตนก็ต้องย้อนถามกลับไปว่า สติความจำสั้นหรืออย่างไร ถึงจำไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ผ่านการทำประชามติจากประชาชนทั้งประเทศเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเลิกใช้โวหารอย่างเดียวโดยขาดข้อมูลขาดสติปัญญาประกอบในการแถลงข่าวแต่ละครั้งและช่วยโต้ตอบกับพรรคประชาธิปัตย์บนพื้นฐานของข้อมูลสติปัญญาด้วย
นอกจากนี้ นายชวนนท์ ยังกล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดา ออกมาระบุว่า การพบกันในงานเลี้ยง “รักเมืองไทยเดินหน้าประเทศไทย” ระหว่าง พล.อ.เปรม ติณสูานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดองว่า แม้ตนจะเห็นด้วยในการสร้างความปรองดองและกระบวนการสามัคคีเป็นเรื่องที่ถูกต้องและประเทศไทยต้องเดินหน้าไป แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทยหรือใครก็ตามที่อยู่ในอำนาจขณะนี้ใช้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใช้อุดมการณ์ที่พวกเขาอยากได้อยากเห็นมาเป็นตัวหลอกล่อในการดึงเข้ามาเป็นพวกสนับสนุนล้มล้างรัฐบาลชุดที่แล้วเพื่อให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจ เพราะเรื่องไพร่ อำมาตย์ ที่ใช้เป็นเงื่อนไขแต่ขณะนี้ไม่มีใครพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นไพร่ตัวพ่อ ตัวแม่ ตัวลูก ขณะนี้ไปเป็นอำมาตย์กันหมดแล้ว
นายชวนนท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ เรื่องความเหลื่อมล้ำทางสังคม เรื่องรายได้ก็เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้ทำตรงข้าม คือ มีการปรับเพิ่มราคน้ำมันและก๊าซ โครงการจำนำข้าว จำนำมัน ทุจริตคอรัปชั่นกันทั้งหมดและกระบวนการความคิดทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงที่คิดว่า มีเจตนารมย์อย่างหนึ่งอย่างใด และคนเหล่านี้ก็ใช้ตรงนั้นมาเป็นแรงกระตุ้นเพื่อให้มาสนับสนุนพวกเขา ขณะนี้ก็เห็นชัดว่า เมื่อน้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ สามารถมาเป็นนายกฯ และสามารถดำเนินนโยบายต่างๆ ให้เข้าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วคนเสื้อแดงก็ไม่ได้มีความหมายในสายตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกต่อไป เช่นเดียวกับ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นเดียวกับหลายๆ คนทางการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ละทิ้งมา