xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” ส่งน้องสาวชิงนายกฯ ล้างความผิด-รอลุกเป็นไฟ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 ทักษิณ ชินวัตร
มาถึงวันนี้ก็คงจะชัดเจนแน่นอน เพียงแค่รอการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นว่า ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทยจะส่ง “น้องสาว” ของตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ที่ผ่านมามีการโยนหินถามทางมาตลอดแล้วว่าจะต้องเป็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงแต่ว่าป้องกันถูกโจมตีให้ช้ำเสียก่อน จึงมี “ตัวหลอก” ออกมาหลายคน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาจนถึง “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้ว่าในจำนวนนั้นมีพวกที่สำคัญตัวเองผิด ไม่เจียมตัวเสนอตัวเข้ามาเองก็มี แต่นาทีนี้ก็เหลือเพียงชื่อ ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นตัวจริงมาตั้งแต่ต้นเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่ประเด็นหากเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั้งในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้งถ้าพรรคเพื่อไทยชนะได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะมีการประกาศเป็นสัญญาณล่วงหน้ามานานแล้วว่าจะมีการประกาศ “นิรโทษกรรม” ให้ ทักษิณ ชินวัตร และใช้เรื่องนี้เป็นนโยบายหาเสียงสำหรับพรรคเพื่อไทย

แต่เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน เริ่มตั้งแต่เหตุผลว่าทำไมต้องเสนอชื่อ ยิ่งลักษณ์ เป็นบัญชีรายชื่อเบอร์หนึ่ง เพื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีคำตอบไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่า พรรคเพื่อไทยเป็นสมบัติของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นของ “ชินวัตร” และการเมืองก็เหมือน “ธุรกิจ” ที่เป็นการลงทุนหวังผลกำไรนั่นเอง และที่ผ่านมาหลังจากถูกรัฐประหารลงจากอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ต้องบอกว่า ธุรกิจการเมืองที่เขาลงทุนมานานแม้อาจจะถึงขั้นขาดทุน แต่คงมีกำไรน้อยลงมาตลอดน่าจะมีรายจ่ายออกมาเรื่อยๆ

ที่ผ่านมามีความพยายามแสดงให้เห็นว่ามีการเสนอชื่อคนโน้นคนนี้เป็นตัวแทนพรรค เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งที่กลับลำมุดเข้าพรรคหันเข้ามาร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย และทักษิณ อีกรอบ ในตอนนั้นคนก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นตัวแทนเพื่อส่งลงชิงเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีตัวสอดแทรกเสนอตัวเข้ามาซ้ำซ้อน ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ต่างก็เปิดตัวช่วงชิงการนำภายใน เพื่อหวังว่าจะได้เป็นผู้นำพรรคคนใหม่ ซึ่งทั้งสองคนต่างก็ชิงดีชิงเด่น มีการโจมตีดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามกันอย่างรุนแรง จนกลายเป็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม ต้องประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเพื่อไทยให้มีผลทันที เหลือไว้แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการประชดที่ มิ่งขวัญ ได้เป็นผู้นำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก่อนหน้านี้ หมายความว่า ทักษิณ ชินวัตร ไว้วางใจให้เครดิต มิ่งขวัญ มากกว่าตัวเอง

ขณะที่มิ่งขวัญก็สำคัญตัวเองผิดว่าตัวเองมีความสำคัญ เป็นตัวจริงแล้ว แต่ในที่สุดก็ผิดไปจากความคาดหมายของตัวเอง ออกมาในลักษณะ “ถูกหลอกใช้” เพื่อสร้างภาพการแข่งขันภายในพรรค มีบรรยากาศประชาธิปไตยเท่านั้นเอง แต่เมื่อรู้อาการบางครั้งเมื่ออารมณ์เตลิดเปิดเปิง เบื้องต้นอาจยังทำใจไม่ได้จึงเกิดอาการฟึดฟัด แง่งอนออกมาบ้าง ทำให้มีข่าวว่าจะพาสมัครพรรคพวกไปตั้งพรรคใหม่ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็หันกลับมาเข้ามาทำตัวสงบเสงี่ยมในพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง

เมื่อวกมาถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังจะลงชิงตำแหน่งสำคัญถือว่านี่คือตัวแทนของทักษิณ ที่ไว้ใจได้ที่สุด ที่ผ่านมาก็เป็นคนถือกระเป๋าเงินเดินจ่ายรอบวงอยู่แล้ว เพื่อควบคุมและดึง ส.ส.รวมไปถึงการประสานสนับสนุนกับแกนนำคนเสื้อแดงในการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันรัฐบาลและกองทัพ

แต่นอกเหนือกว่านั้นสิ่งที่ต้องพิจารณากันด้วยความเป็นห่วงก็คือ ในครั้งนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจะชูเรื่องการ “นิรโทษกรรม” ทักษิณ ชินวัตร หรือใช้คำพูด “นำทักษิณกลับบ้าน” เป็นเรื่องหลักสำหรับใช้รณรงค์หาเสียง โดยสร้างกระแสหลอกต้มชาวบ้านที่ไม่เข้าใจว่า เขาคือทุกสิ่งประดุจ “เทพเจ้า” ทำนองว่าถ้าขาดคนๆนี้เสียคนหนึ่งบ้านเมืองคงไม่เจริญ เศรษฐกิจย่ำแย่ ซึ่งเวลานี้กำลังโหมรณรงค์กันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และกำลังได้ผล ประกอบกับความ “ห่วยแตก” ของรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะทำให้ชาวบ้านยิ่งโหยหา ทักษิณ ที่เป็น “นักสร้างภาพชั้นเทพ” เพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ผลต้องออกมาแบบนี้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าอันตรายและน่ากังวลต่อผลที่จะเกิดตามมาในอนาคตก็คือ การรณรงค์เรื่องการ “นิรโทษกรรม” ลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยผ่านการเลือกตั้ง หมายความว่าจะใช้การเลือกตั้ง “ฟอกความผิด” ให้กับตัวเอง ซึ่งถือว่าตรรกะที่อันตราย

เพราะนี่คือกระบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายศาลอย่างจงใจที่สุด ที่สำคัญเป็นการบิดเบือนความจริงและเอาเปรียบคนอื่นอย่างร้ายกาจที่สุด เนื่องจากต้องไม่ลืมว่า ทักษิณ ถูกตัดสินมีความผิดในคดีทุจริตคอร์รัปชัน และผ่านกระบวนการยุติธรรม มีการว่าจ้างทนายความชั้นดีแก้ต่างสู้คดีให้เสร็จสรรพ แต่ในที่สุดก็มีความผิดจริงถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปีและยังมีหลายคดีที่รอค้างคาอยู่ในศาล ซึ่งทุกคดีล้วนเป็นเรื่องทุจริตขี้โกงทั้งสิ้น

นอกเหนือจากนี้สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ ไม่เคยมีธรรมเนียมที่ไหนเคยทำแบบนี้ มีการขอนิรโทษกรรมห้กับผู้ต้องคดีอาญาคดีคอรัปชั่นแบบนี้ อย่างมากก็เป็นคดีการเมือง เช่น คดีกบฏ คดีที่มีความผิดจากกฎหมายของรัฐบาลทหารในยุคเผด็จการ ขณะที่กรณีของทักษิณ แม้พยายามจะบอกว่าถูกรังแกจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็อาจจะจริงอยู่บ้าง แต่ในการดำเนินคดีก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทางศาลที่ไม่มีใครแทรกแซงเป็นการใช้อำนาจตุลาการตามปกติเหมือนกรณีอื่นๆ และที่ผ่านมาตัวเขาก็ยอมรับเข้ามาสู้คดีอย่างเต็มที่ มีการวิ่งเต้นพยายามติดสินบนซึ่งมีตัวอย่างจากกรณี “ถุงขนมสองล้าน” แต่เมื่อไม่ได้ผลรู้ตัวว่าจะติดคุกจึงได้หลบหนีออกไปนอกประเทศ จากนั้นก็ใช้เงินที่มีอยู่มหาศาลว่าจ้างแกนนำคนเสื้อแดงมาป่วนเพื่อล้มล้างอำนาจรัฐเกิดการเผาเมืองต่อเนื่องถึงสองปีซ้อน แต่ก็ยังไม่ได้ผล เพราะยังมีชาวบ้านส่วนใหญ่รู้ทันช่วยกันต่อต้าน และล่าสุดก็หันมาใช้วิธีการ “ฟอกความผิด” ผ่านการเลือกตั้งนั่นเอง

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนับว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นการเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจแล้ว ยังเป็นการบิดเบือนความจริงให้เกิดความสับสนกับชาวบ้าน เป็นการจงใจเพื่อสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง เป็นเจตนามิชอบตั้งแต่ต้น เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากมีการเสนอนิรโทษกรรมให้ ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีการแบบนี้จริง มันก็ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน โอกาสที่จะ “ลุกเป็นไฟ” อีกรอบ ลางหายนะกำลังรออยู่อีกไม่ไกล

ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยจะส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แข่งกับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าหากมีการเตรียมการ “นิรโทษกรรม” ลบล้างความผิดให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่ โอกาสปั่นป่วนก็มีสูงยิ่ง!!
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น