สถานการณ์ความวุ่นวายภายในพรรคเพื่อไทย สืบเนื่องจากความต้องการเป็นใหญ่ ยังเป็นปัญหาบานปลายไม่จบ...
แม้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายใหญ่เจ้าของโรงเตี๊ยมตัวจริง จะออกโรงมาจัดการไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
แต่ความอึมครึมก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว
แรกเริ่มเดิมทีเป็นการห้ำหั่นระหว่าง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง แอบสะสมพาวเวอร์กันภายในพรรคกันอย่างเงียบๆ ตอนต้นดูเหมือน “นายใหญ่”จะมอบบทบาทการนำภายในพรรคให้ “สารวัตรเหลิม” ในขณะที่ “มิ่งขวัญ” เดินเกมหลังฉาก ใช้ปัจจัยล็อบบี้ส.ส. กวาดต้อนเข้ามุ้งเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้น “มิ่งขวัญ” ใช้พลังส.ส.เข้าไปกดดัน “นายใหญ่” จนต้องยอมมอบบทบาทการนำศึกซักฟอก หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้แบบเสียไม่ได้
แต่การที่เจ้าของโรงเตี๊ยมอันระหกระเหินไปอยู่แดนไกลตัดสินใจโอนอำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้ “มิ่งขวัญ” ได้สร้างความขัดเคืองแก่ “สารวัตรเหลิม” ไม่น้อย นอกจากนั้นระหว่างการอภิปราย “สารวัตรเหลิม” ในฐานะนักพูดเบอร์ 1 ของพรรค ยังถูกทีมงานเบื้องหลังเบรก เลยฟิวส์ขาดประกาศลาออกจากส.ส. ประชดประชันกันไป
หนทางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจของ “มิ่งขวัญ” ดูเหมือนจะสะดวกมากขึ้น เมื่อศัตรูหมายเลข 1 ออกอาการถอดใจไปกลางคัน “มิ่งขวัญ”และทีมงานจึงฉวยจังหวะเดินเกมต่อเนื่อง พยายามสร้างพาวเวอร์ในพรรค โหวกเหวกโพนทะนา ว่า “ข้านี่แหละว่าที่นายกรัฐมนตรี”
เดินเกมแรงชนิดช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ ถึงขั้นกดดันแกนนำพรรค ผู้บริหารพรรค ให้มอบบทบาทแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถี่ยิบ ทุกเช้าค่ำ จนดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยถูกคอนโทรลโดย “มิ่งขวัญแอนโค” ไปแล้ว
นายใหญ่เจ้าของพรรคตัวจริง ที่ตัวอยู่ไกล เริ่มรับรู้และจับต้องสถานการณ์นี้ได้ จึงลงดาบด้วยการส่งเสียงคำราม ปราบปรามมาชุดใหญ่ จนทำให้ “แก๊งมิ่งขวัญ” ถอยกรูด ลดบทบาทตัวเองลงไป
พ.ต.ท.ทักษิณบอกดังๆให้รับรู้ทั้งพรรคว่าบทบาทการนำเฉพาะกิจของมิ่งขวัญจบลงแล้ว พร้อมมีกระแสข่าว นายใหญ่ มอบหน้าที่นี้ไว้กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของตัวเอง
คลื่นลมที่เคยโหมกระพือของ “แก๊งมิ่งขวัญ” จึงต้องมุดไปสู่ใต้น้ำ ยังคงมีพลังแต่ไม่แสดงออกโจ่งแจ้งเหมือนอย่างเคย
พร้อมเดินเกมใต้ดิน ปล่อยข่าวหยั่งเชิง แตะมือแกนนำผู้ใหญ่แต่วุฒิภาวะเด็กประถม เช่น พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ปัสสาวะไม่เคยสุดสาย และ เสนาะ เทียนทอง ผู้เฒ่าจอมพลิกลิ้น ที่ประกาศไปแล้วว่าจะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ร่วมกันมองหาช่องทางความเป็นไปได้ที่จะตั้งพรรคใหม่ร่วมกัน
หมากเกมนี้ทำให้ ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์แห่งวังน้ำเย็น ชะงัก และรอดูท่าทีการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มมิ่งขวัญ” ว่าจะจริงจังมากน้อยแค่ไหน
“หากน้องเต็มที่ พี่ก็เต็มร้อย แต่ถ้าน้องมาน้อย พี่ว่าอย่าดีกว่า”
“เฒ่าเหนาะ” รอวัดใจ “มิ่งขวัญ” ซึ่งตอนนี้ยังออกอาการเขี้ยวใส่กัน มิ่งขวัญระดมทุนมา แต่ยังไม่เกหมดหน้าตัก “ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น” จึงยังเหยียบเรือสองแคม ระหว่างเข้าร่วมเพื่อไทย กับวัดใจ “เจ๊มิ่ง”
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมล่วงรู้ไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ กรณีพล.อ.ชวลิตประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ทำ “นายใหญ่”ควันออกหูไปแล้วทีหนึ่ง เพราะลาออกไปในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ลาออกด้วยเหตุผลเรื่องสถาบันที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีมาตลอด
เมื่อมาประกอบกับการเดิมเกมของ “กลุ่มมิ่งขวัญ” ยิ่งทำให้พ.ต.ท.ทักษิณเดือดดาลมากขึ้นไปอีก เหมือนเป็นขบวนการป่วน บอนไซพรรคเพื่อไทยให้แตกเป็นเสี่ยง
หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ จะไปเข้าทางกลุ่มผู้มีอำนาจ ลูกไปเข้าตีนโดยไม่ต้องเขี่ย รอซัดจุดโทษชนิดที่ว่าคนกันเองคอยล้มบอลให้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาด ลงดาบส.ส.ที่เป็นแกนนำ “กลุ่มมิ่งขวัญ” เคลื่อนไหวเรื่องการตั้งพรรคใหม่ ด้วยการไม่ส่งลงสมัครส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย บีบให้ลาออกไป หรือ ทำให้เลิกพยศ
เป็นมาตรการเชือดไก่ให้ลิงดู กำราบหัวโจก พร้อมปรามลูกหาบ และเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ก่อหวอดแข็งข้อเป็นปัญหาลุกลามต่อไป
ยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไร “นายใหญ่”รู้ดีว่าจะต้องบริหารจัดการความปั่นป่วนขัดแย้งภายในพรรคให้เร็วที่สุด
ข่าวแจ้งว่า หมากย้อนศร ทิ่มหมัดสวนของพ.ต.ท. ทักษิณคราวนี้ ได้ผลชะงัด คนที่ลังเลละล้าละลัง เดินแตกแถวไป เริ่มหวาดผวากลับมาตบเท้าเดินตามรอยนายใหญ่อีกครั้ง ด้วยคิดว่าย้ายพรรคไปอนาคตยังลูกผีลูกคน แต่ถ้าไม่ได้ลงสมัครส.ส. ชีวิตการเมืองเหมือนตายทั้งเป็น
จากกลุ่มก้อนส.ส.ขนาดใหญ่ของ “มิ่งขวัญ” ตอนนี้เหลือเพียงหยิบมือหรือแทบไม่เหลือ หนทางก้าวเดินต่อไปจึงดูตีบตันคับแคบ “มิ่งขวัญ”ที่มีบุคลิกอ่อนไหว ไวต่อแรงเสียดทาน ยามนี้จึงทำอะไรไม่ถูก ต้องหลบลี้หนีหน้าหายไป ส.ส.ในสังกัด ตลอดจนใกล้ชิด ยังติดต่อไม่ได้
ความเคลื่อนไหวถัดไปของ “มิ่งขวัญ” ยังเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าจะเลือกเดินทางใด พรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ปิดโอกาสการกลับมาล่มหัวจมท้ายของ “มิ่งขวัญ” เพราะถือว่าเป็นบุคลากรคนหนึ่งที่มีคุณภาพ มีผลงานเชิงประจักษ์ต่อสังคมไทย และเป็นแกนนำคนหนึ่งที่มวลหมู่สมาชิกนับถือในความสามารถ
“มิ่งขวัญ” จะกลับมา ก็เชื่อว่านายใหญ่คงให้อภัยเพื่อไทยก็ยังต้อนรับ แต่ถ้าเลือกเดินจากไปตั้งพรรคใหม่ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า จะวางบทบาทตัวเองกับการเมืองไทยวันข้างหน้าไว้ตรงไหน
หากไปตั้งพรรคใหม่ แน่นอนว่าอย่างมากที่สุดคงเป็นได้เพียงพรรคขนาดกลางหรือขนาดเล็กหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสเป็นใหญ่ตามใจใฝ่ฝันคงยาก แม้อาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาล ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีบทให้เล่นแค่ไหนอย่างไร
จึงน่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับก้าวเดินต่อไปของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ผู้เคยประกาศตัวอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี!!
แม้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะนายใหญ่เจ้าของโรงเตี๊ยมตัวจริง จะออกโรงมาจัดการไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
แต่ความอึมครึมก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว
แรกเริ่มเดิมทีเป็นการห้ำหั่นระหว่าง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง แอบสะสมพาวเวอร์กันภายในพรรคกันอย่างเงียบๆ ตอนต้นดูเหมือน “นายใหญ่”จะมอบบทบาทการนำภายในพรรคให้ “สารวัตรเหลิม” ในขณะที่ “มิ่งขวัญ” เดินเกมหลังฉาก ใช้ปัจจัยล็อบบี้ส.ส. กวาดต้อนเข้ามุ้งเป็นกอบเป็นกำ
จากนั้น “มิ่งขวัญ” ใช้พลังส.ส.เข้าไปกดดัน “นายใหญ่” จนต้องยอมมอบบทบาทการนำศึกซักฟอก หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้แบบเสียไม่ได้
แต่การที่เจ้าของโรงเตี๊ยมอันระหกระเหินไปอยู่แดนไกลตัดสินใจโอนอำนาจหน้าที่ดังกล่าวให้ “มิ่งขวัญ” ได้สร้างความขัดเคืองแก่ “สารวัตรเหลิม” ไม่น้อย นอกจากนั้นระหว่างการอภิปราย “สารวัตรเหลิม” ในฐานะนักพูดเบอร์ 1 ของพรรค ยังถูกทีมงานเบื้องหลังเบรก เลยฟิวส์ขาดประกาศลาออกจากส.ส. ประชดประชันกันไป
หนทางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจของ “มิ่งขวัญ” ดูเหมือนจะสะดวกมากขึ้น เมื่อศัตรูหมายเลข 1 ออกอาการถอดใจไปกลางคัน “มิ่งขวัญ”และทีมงานจึงฉวยจังหวะเดินเกมต่อเนื่อง พยายามสร้างพาวเวอร์ในพรรค โหวกเหวกโพนทะนา ว่า “ข้านี่แหละว่าที่นายกรัฐมนตรี”
เดินเกมแรงชนิดช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ ถึงขั้นกดดันแกนนำพรรค ผู้บริหารพรรค ให้มอบบทบาทแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถี่ยิบ ทุกเช้าค่ำ จนดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยถูกคอนโทรลโดย “มิ่งขวัญแอนโค” ไปแล้ว
นายใหญ่เจ้าของพรรคตัวจริง ที่ตัวอยู่ไกล เริ่มรับรู้และจับต้องสถานการณ์นี้ได้ จึงลงดาบด้วยการส่งเสียงคำราม ปราบปรามมาชุดใหญ่ จนทำให้ “แก๊งมิ่งขวัญ” ถอยกรูด ลดบทบาทตัวเองลงไป
พ.ต.ท.ทักษิณบอกดังๆให้รับรู้ทั้งพรรคว่าบทบาทการนำเฉพาะกิจของมิ่งขวัญจบลงแล้ว พร้อมมีกระแสข่าว นายใหญ่ มอบหน้าที่นี้ไว้กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของตัวเอง
คลื่นลมที่เคยโหมกระพือของ “แก๊งมิ่งขวัญ” จึงต้องมุดไปสู่ใต้น้ำ ยังคงมีพลังแต่ไม่แสดงออกโจ่งแจ้งเหมือนอย่างเคย
พร้อมเดินเกมใต้ดิน ปล่อยข่าวหยั่งเชิง แตะมือแกนนำผู้ใหญ่แต่วุฒิภาวะเด็กประถม เช่น พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้ปัสสาวะไม่เคยสุดสาย และ เสนาะ เทียนทอง ผู้เฒ่าจอมพลิกลิ้น ที่ประกาศไปแล้วว่าจะเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ร่วมกันมองหาช่องทางความเป็นไปได้ที่จะตั้งพรรคใหม่ร่วมกัน
หมากเกมนี้ทำให้ ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์แห่งวังน้ำเย็น ชะงัก และรอดูท่าทีการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มมิ่งขวัญ” ว่าจะจริงจังมากน้อยแค่ไหน
“หากน้องเต็มที่ พี่ก็เต็มร้อย แต่ถ้าน้องมาน้อย พี่ว่าอย่าดีกว่า”
“เฒ่าเหนาะ” รอวัดใจ “มิ่งขวัญ” ซึ่งตอนนี้ยังออกอาการเขี้ยวใส่กัน มิ่งขวัญระดมทุนมา แต่ยังไม่เกหมดหน้าตัก “ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น” จึงยังเหยียบเรือสองแคม ระหว่างเข้าร่วมเพื่อไทย กับวัดใจ “เจ๊มิ่ง”
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมล่วงรู้ไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ กรณีพล.อ.ชวลิตประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ทำ “นายใหญ่”ควันออกหูไปแล้วทีหนึ่ง เพราะลาออกไปในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ลาออกด้วยเหตุผลเรื่องสถาบันที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีมาตลอด
เมื่อมาประกอบกับการเดิมเกมของ “กลุ่มมิ่งขวัญ” ยิ่งทำให้พ.ต.ท.ทักษิณเดือดดาลมากขึ้นไปอีก เหมือนเป็นขบวนการป่วน บอนไซพรรคเพื่อไทยให้แตกเป็นเสี่ยง
หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ จะไปเข้าทางกลุ่มผู้มีอำนาจ ลูกไปเข้าตีนโดยไม่ต้องเขี่ย รอซัดจุดโทษชนิดที่ว่าคนกันเองคอยล้มบอลให้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาด ลงดาบส.ส.ที่เป็นแกนนำ “กลุ่มมิ่งขวัญ” เคลื่อนไหวเรื่องการตั้งพรรคใหม่ ด้วยการไม่ส่งลงสมัครส.ส.ในนามพรรคเพื่อไทย บีบให้ลาออกไป หรือ ทำให้เลิกพยศ
เป็นมาตรการเชือดไก่ให้ลิงดู กำราบหัวโจก พร้อมปรามลูกหาบ และเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ก่อหวอดแข็งข้อเป็นปัญหาลุกลามต่อไป
ยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไร “นายใหญ่”รู้ดีว่าจะต้องบริหารจัดการความปั่นป่วนขัดแย้งภายในพรรคให้เร็วที่สุด
ข่าวแจ้งว่า หมากย้อนศร ทิ่มหมัดสวนของพ.ต.ท. ทักษิณคราวนี้ ได้ผลชะงัด คนที่ลังเลละล้าละลัง เดินแตกแถวไป เริ่มหวาดผวากลับมาตบเท้าเดินตามรอยนายใหญ่อีกครั้ง ด้วยคิดว่าย้ายพรรคไปอนาคตยังลูกผีลูกคน แต่ถ้าไม่ได้ลงสมัครส.ส. ชีวิตการเมืองเหมือนตายทั้งเป็น
จากกลุ่มก้อนส.ส.ขนาดใหญ่ของ “มิ่งขวัญ” ตอนนี้เหลือเพียงหยิบมือหรือแทบไม่เหลือ หนทางก้าวเดินต่อไปจึงดูตีบตันคับแคบ “มิ่งขวัญ”ที่มีบุคลิกอ่อนไหว ไวต่อแรงเสียดทาน ยามนี้จึงทำอะไรไม่ถูก ต้องหลบลี้หนีหน้าหายไป ส.ส.ในสังกัด ตลอดจนใกล้ชิด ยังติดต่อไม่ได้
ความเคลื่อนไหวถัดไปของ “มิ่งขวัญ” ยังเป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าจะเลือกเดินทางใด พรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ปิดโอกาสการกลับมาล่มหัวจมท้ายของ “มิ่งขวัญ” เพราะถือว่าเป็นบุคลากรคนหนึ่งที่มีคุณภาพ มีผลงานเชิงประจักษ์ต่อสังคมไทย และเป็นแกนนำคนหนึ่งที่มวลหมู่สมาชิกนับถือในความสามารถ
“มิ่งขวัญ” จะกลับมา ก็เชื่อว่านายใหญ่คงให้อภัยเพื่อไทยก็ยังต้อนรับ แต่ถ้าเลือกเดินจากไปตั้งพรรคใหม่ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า จะวางบทบาทตัวเองกับการเมืองไทยวันข้างหน้าไว้ตรงไหน
หากไปตั้งพรรคใหม่ แน่นอนว่าอย่างมากที่สุดคงเป็นได้เพียงพรรคขนาดกลางหรือขนาดเล็กหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสเป็นใหญ่ตามใจใฝ่ฝันคงยาก แม้อาจจะได้เป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาล ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีบทให้เล่นแค่ไหนอย่างไร
จึงน่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับก้าวเดินต่อไปของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ผู้เคยประกาศตัวอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี!!