เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
๐๐ มาจนถึงวันนี้ยังวิจารณ์กันไม่เลิกกับความละโมบ เห็นแก่ตัวและฉวยโอกาสของพวกนักการเมืองในรัฐบาล กับการโหมอนุมัติงบประมาณแบบ “หามรุ่งหามค่ำ” ถลุงงบประมาณของชาวบ้านกว่าแสนล้านบาทภายในวันเดียว มีวาระพิจารณา เพื่อทราบ และวาระจร วาระผูกพันแล้วแต่จะมาในสารพัดชื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงด่าและเป็นเป้าสายตาของชาวบ้าน แต่ก็ยังหนีไม่พ้นยังถูกรุมถล่มกันหนักข้อ เพราะนี่คือรายการเห็นแก่ตัวที่เห็นได้ชัดเจน
๐๐ เมื่อโดนรุมด่าดังลั่น มันก็มาอีหรอบเดิมนั่นคือ เป็นหน้าที่ของ “แชมป์โต้วาที” อย่าง นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่ต้องรับหน้าออกมาชี้แจงตามเคย และก็เป็นไปตามสูตรนั่นคือจะอ้างว่าที่อนุมัติจริงๆแค่หมื่นกว่าล้านตามความจำเป็น เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน หากไม่รีบอนุมัติก็ขาดความต่อเนื่อง ต้องรอรัฐบาลใหม่อีก 3 เดือนอะไรประมาณนั้น เป็นคำพูดไม่ต่างจาก “ศรีธนญชัย” ไม่มีผิด กลิ้งไปได้เรื่อยๆ ปฏิเสธว่าไม่ได้อนุมัติงบประมาณรวดเดียวกว่าแสนล้านตามข้อกล่าวหา แต่เป็นแค่การรับทราบ เพื่อทราบ หรืองบผูกพันจากการที่เคยอนุมัติมาก่อนหน้านี้ ซึ่งความหมายมันก็ไม่ได้ต่างกัน เพราะเหมือนกับการปล่อย “ไฟเขียว” ให้ผ่านไปอย่างสมบูรณ์แบบ
๐๐ ในที่สุดก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามเคย ต้องยอมให้อินโดนีเซียเป็นตัวแทนอาเซียนเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดมีการเผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนจากนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่ายอม “ไฟเขียว” ให้เข้ามาได้ เพียงแต่ทำ “ยึกยัก” พอเป็นพิธีว่าต้องให้ทหารฮุนเซนถอยออกปากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเสียก่อน ซึ่งฟังดูดี แต่เอาเข้าจริงมันก็ “ดีแต่พูด”เหมือนเดิม เชื่อขนมกินได้ก่อนเลยว่าสิ่งที่นายกฯพูดกับผลที่ออกมานั้นมันตรงกันข้าม
๐๐ คิดหรือว่ากัมพูชามันจะยอมถอยออกไปจากพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลักในการยึดครอง รุกล้ำดินแดนของไทยมาตลอดและทำทุกวิถีทาง ทั้งการใช้กำลังป่วนตามแนวชายแดน และล่าสุดก็ได้ยื่นฟ้องศาลโลกให้ตีความพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการพูดของ นายกฯอภิสิทธิ์ มันก็เหมือนการพูดแบบนักการเมืองที่ทำท่าขึงขังเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยรักชาติ เท่านั้นแต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ เพราะถ้าทำจริง เด็ดขาดจริงก็ต้องฉวยโอกาสใช้กำลังทหารผลักดันออกไปตั้งแต่คราวปะทะกันหลังที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อนแล้วเราก็มีสิทธิที่จะตอบโต้และผลักดันแล้วสร้าง “เขตปลอดภัย” แต่ก็ไม่ทำ ทุด!!
๐๐วันเสาร์ที่ 7 พ.ค.นี้นายกฯอภิสิทธิ์ ก็จะบินไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนอีกรอบ ซึ่งก็คงเป็นที่จับตามองกันว่าจะได้จับมือคุยกับ ฮุนเซน หรือไม่ แม้ว่าก่อนไปจะยังแสดงท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ฟันธงแน่ชัด แต่ดูจากแนวโน้มแล้วคงต้องพบกันแน่ เพราะในเมื่อนาทีนี้ฝ่ายไทยยอมเดินไปตามเกมที่ฝ่ายโน้นกำหนดทุกเรื่องทั้งเรื่องส่งผู้สังเกตการณ์ และการยอมเข้าสู่ศาลโลกรอบสอง มันก็ต้องมีแรงบีบให้เดินต่อแบบนี้อยู่แล้ว
๐๐ ใกล้ประกาศเป็นทางการแล้วสำหรับ บัญชีรายชื่อ “เบอร์ 1” ของพรรคเพื่อไทย เพราะแม้ว่า “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะไม่แย้มออกมามันก็ชัดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าต้องเป็น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวของเจ้าของพรรคคือ ทักษิณ ชินวัตร เพราะพรรคเพื่อไทยมันเป็น “ธุรกิจครอบครัวชินวัตร” เท่านั้นส่วนพวก “เจ๊มิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หรือใครก็ตามที่แพลมออกมาก่อนเป็นแค่ตัวหลอกให้ตายใจ ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะกำลังทำทุกอย่างเพื่อลบล้างความผิดให้ ทักษิณ เท่านั้น และคราวนี้ก็เห็นโอกาสจากการเลือกตั้งมา “ฟอกตัว”
๐๐โหมโรงกันมาล่วงหน้าหลายเดือนแล้วว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะชู “นิรโทษกรรม” พาทักษิณ กลับบ้าน หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เพราะถ้าทำแบบจริงมันก็เหมือนเตรียมการสร้างสถานการณ์ป่วนล่วงหน้า และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ยอมแน่ เพราะนี่คือการทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายศาล เป็นการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ใช้การเลือกตั้งมาลบล้างความผิด ดูแล้วมันพิลึกกึกกือ และเอาเปรียบคนอื่นอย่างทุเรศที่สุด ที่สำคัญมันจะ “ลุกเป็นไฟ” อีกรอบแน่นอน !!