ASTVผู้จัดการรายวัน-คาดวันวาเลนไทน์ปีนี้โตต่ำสุดรอบ 5 ปี เงินสะพัดแค่ 2.7 พันล้าน เผยวัยโจ๋ใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น นิยมไปกินข้าวนอกบ้าน ให้ช็อกโกแลต ดอกไม้ เผยผลสำรวจชี้นักศึกษาประเดิมเสียตัวในวันนี้ ใช้ห้องพักรายวันเป็นสวรรค์ ตำรวจเข้มสถานบริการ แหล่งมั่วสุม พร้อมประสานมาดรูดแจ้งเบาะแส
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ ทัศนคติ พฤติกรรมและการใช้จ่าย ช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2555 ว่า ยอดการใช้จ่ายเงินในเทศกาลวาเลนไทน์ไม่คึกคักนัก มีเม็ดเงินสะพัด 2,791.87 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพียง 5% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2551-54 ที่การเติบโตตั้งแต่ 5.35-15.09% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 1,348 บาท ซึ่งเป็นระดับปานกลาง
ทั้งนี้ ผลสำรวจในด้านปริมาณการซื้อสินค้าเมื่อเทียบกับปี 2554 ส่วนใหญ่กว่า 53.4 % ระบุว่าไม่เปลี่ยนแปลง โดยการใช้จ่ายต่อคนสูงสุดเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานอายุ 30-49 ปี แต่กลุ่มที่มีปริมาณการซื้อสินค้าเพิ่มสูงเป็นวัยรุ่นและนักศึกษาอายุตั้งแต่ต่ำกว่า 15-18ปี ขณะที่กิจกรรมและการซื้อของที่ได้รับความนิยมช่วงวาเลนไทน์ อันดับหนึ่งเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้าน รองลงมาเป็นซื้อช็อกโกแลต ดอกไม้ ไปดูหนัง ซื้อของขวัญ บัตรอวยพร เดินห้างสรรพสินค้า อยู่บ้าน ซื้อตุ๊กตา ร้องคาราโอเกะ สำหรับดอกไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ดอกกุหลาบ รองลงมา เป็นทิวลิป ลิลลี่ คาร์เนชั่น และดอกรัก
สำหรับผลสำรวจทัศนะคติเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมช่วงวาเลนไทน์ เมื่อถามว่า มีคนรู้จักคิดวางแผนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวันวาเลนไทน์หรือไม่ กลุ่มตัวอย่าง 64.2% ระบุว่าไม่รู้จัก อีก 15.2% รู้จัก และ20.6% ไม่แน่ใจ ขณะที่ทัศนะต่อคู่รักกลุ่มใดที่ฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่าง 54.9% เชื่อว่าเป็นกลุ่มนักศึกษา อีก27.8% เป็นกลุ่มนักเรียน และ17.3% เป็นวัยทำงาน ส่วนสถานที่วัยรุ่นอาจฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่าง 32.7% ระบุว่าเป็นห้องพักรายวัน อีก 27.5% เป็นอพาร์ทเมนต์ 23.4% เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ 13.8% โรงแรมม่านรูด และ2.3%เป็นสวนสาธารณะ
วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบสาล กล่าวถึงมาตรการเตรียมรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินช่วงวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. ว่า บช.น. ได้กำหนดกรอบการทำงานของตำรวจ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยให้กวดขันสถานบริการปฎิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กและเยาวชน และกวดขันการเปิด-ปิดให้ตรงเวลา โดยไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการเด็ดขาด พร้อมกันนี้ให้กวดขันปราบปรามยาเสพติดอย่างเคร่งครัด
ส่วนตามสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง โต๊ะสนุกเกอร์ ร้านคาราโอเกะ สวนสาธารณะ เช่น สวนลุม สวนเบญจสิริ และสวนรถไฟ ร้านข้าวต้ม สถานที่ใช้เป็นที่รวมตัวแข่งรถ ให้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ปี 2546 เช่น พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ถ้าพบเห็นว่าเด็กออกมาเที่ยวเตร่ในยามวิกาลจะติดต่อให้ผู้ปกครองมารับตัวทันที
สำหรับข้อแนะนำต่อประชาชน เด็ก และเยาวชน เกี่ยวกับการแต่งกายเมื่อออกไปนอกบ้าน ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับมีค่า ไม่ขับรถขณะเมาสุรา และให้ระวังเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ฉกชิง วิ่งราว ปล้น รถหาย ทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาท ซึ่งยิ่งเป็นสุภาพสตรีการแต่งกายควรให้ระวังอย่างมาก รวมถึงให้โรงแรมม่านรูด สถานประกอบการบันเทิงแจ้งข้อมูลข่าวสารต่อเจ้าหน้าที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ
“อยากฝากเตือนเยาวชนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศ จะมีกฎหมายมาตรา 317, 318, 319 ถ้าพรากผู้เยาว์ให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองอยู่” พ.ต.อ.ปรีดากล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจ ทัศนคติ พฤติกรรมและการใช้จ่าย ช่วงวันวาเลนไทน์ ปี 2555 ว่า ยอดการใช้จ่ายเงินในเทศกาลวาเลนไทน์ไม่คึกคักนัก มีเม็ดเงินสะพัด 2,791.87 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพียง 5% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2551-54 ที่การเติบโตตั้งแต่ 5.35-15.09% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 1,348 บาท ซึ่งเป็นระดับปานกลาง
ทั้งนี้ ผลสำรวจในด้านปริมาณการซื้อสินค้าเมื่อเทียบกับปี 2554 ส่วนใหญ่กว่า 53.4 % ระบุว่าไม่เปลี่ยนแปลง โดยการใช้จ่ายต่อคนสูงสุดเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และวัยทำงานอายุ 30-49 ปี แต่กลุ่มที่มีปริมาณการซื้อสินค้าเพิ่มสูงเป็นวัยรุ่นและนักศึกษาอายุตั้งแต่ต่ำกว่า 15-18ปี ขณะที่กิจกรรมและการซื้อของที่ได้รับความนิยมช่วงวาเลนไทน์ อันดับหนึ่งเป็นการรับประทานอาหารนอกบ้าน รองลงมาเป็นซื้อช็อกโกแลต ดอกไม้ ไปดูหนัง ซื้อของขวัญ บัตรอวยพร เดินห้างสรรพสินค้า อยู่บ้าน ซื้อตุ๊กตา ร้องคาราโอเกะ สำหรับดอกไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ดอกกุหลาบ รองลงมา เป็นทิวลิป ลิลลี่ คาร์เนชั่น และดอกรัก
สำหรับผลสำรวจทัศนะคติเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมช่วงวาเลนไทน์ เมื่อถามว่า มีคนรู้จักคิดวางแผนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวันวาเลนไทน์หรือไม่ กลุ่มตัวอย่าง 64.2% ระบุว่าไม่รู้จัก อีก 15.2% รู้จัก และ20.6% ไม่แน่ใจ ขณะที่ทัศนะต่อคู่รักกลุ่มใดที่ฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่าง 54.9% เชื่อว่าเป็นกลุ่มนักศึกษา อีก27.8% เป็นกลุ่มนักเรียน และ17.3% เป็นวัยทำงาน ส่วนสถานที่วัยรุ่นอาจฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มตัวอย่าง 32.7% ระบุว่าเป็นห้องพักรายวัน อีก 27.5% เป็นอพาร์ทเมนต์ 23.4% เป็นบ้านที่ไม่มีใครอยู่ 13.8% โรงแรมม่านรูด และ2.3%เป็นสวนสาธารณะ
วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบสาล กล่าวถึงมาตรการเตรียมรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินช่วงวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. ว่า บช.น. ได้กำหนดกรอบการทำงานของตำรวจ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยให้กวดขันสถานบริการปฎิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันมิให้เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กและเยาวชน และกวดขันการเปิด-ปิดให้ตรงเวลา โดยไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการเด็ดขาด พร้อมกันนี้ให้กวดขันปราบปรามยาเสพติดอย่างเคร่งครัด
ส่วนตามสถานที่ต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง โต๊ะสนุกเกอร์ ร้านคาราโอเกะ สวนสาธารณะ เช่น สวนลุม สวนเบญจสิริ และสวนรถไฟ ร้านข้าวต้ม สถานที่ใช้เป็นที่รวมตัวแข่งรถ ให้บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ปี 2546 เช่น พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ถ้าพบเห็นว่าเด็กออกมาเที่ยวเตร่ในยามวิกาลจะติดต่อให้ผู้ปกครองมารับตัวทันที
สำหรับข้อแนะนำต่อประชาชน เด็ก และเยาวชน เกี่ยวกับการแต่งกายเมื่อออกไปนอกบ้าน ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับมีค่า ไม่ขับรถขณะเมาสุรา และให้ระวังเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ฉกชิง วิ่งราว ปล้น รถหาย ทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาท ซึ่งยิ่งเป็นสุภาพสตรีการแต่งกายควรให้ระวังอย่างมาก รวมถึงให้โรงแรมม่านรูด สถานประกอบการบันเทิงแจ้งข้อมูลข่าวสารต่อเจ้าหน้าที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ
“อยากฝากเตือนเยาวชนในเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศ จะมีกฎหมายมาตรา 317, 318, 319 ถ้าพรากผู้เยาว์ให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองอยู่” พ.ต.อ.ปรีดากล่าว