ชะนักปักหลัง“นลินี” – “ปู”ท่องสคริปต์ช่วยไม่ได้

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-และแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไปตอบกระทู้ถามสดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งมาเป็นเวลา 6 เดือน ในกระทู้ที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมในการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ซึ่งก็ไม่เหนือไปจากความคาดหมาย เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีจากคนในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่คอยสอดแทรกลุกขึ้นชี้แจงแทน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่นั่งขนาบข้างคอยให้คำแนะนำการตอบกระทู้ร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

ด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งชายและหญิงก็คอยประท้วง น.ส.รัชดาเป็นระยะๆ เริ่มตั้งแต่พูดถึงกรณีที่นางนลินีมีความเกี่ยวข้องกับนายโรเบิร์ต มูกาเบ ผู้นำเผด็จการแห่งประเทศซิมบาบเว จนถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ก็มีการประท้วงทันที โดยอ้างว่า น.ส.รัชดาทำผิดข้อบังคับ เพราะใส่ร้ายป้ายสี และถูกประท้วงตอบโต้ จาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จนทำให้มีการประท้วงมาตลอด

รวมไปถึงกระทั่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ที่คอยตัดบท ไม่ให้ น.ส.รัชดากล่าววิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัตินางนลินีมากนัก จนถูก ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจ

กระนั้นก็ตาม หากจะดูเนื้อหาคำชี้แจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กรณีการแต่งตั้งนางนลินีเป็นรัฐมนตรี ก็สรุปได้เพียงว่า ที่พิจารณาแต่งตั้งก็เพราะนางนลินีเป็นคนมีความรู้ มีคุณสมบัติเหมาะสม สามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ โดยดูจากการศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีชื่อในสหรัฐฯ จบปริญญาเอกมหาวิทยาลัยรีเจนต์ และมีประสบการณ์เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา และยังเป็นทูตการค้าด้วย นอกจากนี้ ยังไม่พบว่ามีส่วนใดที่ขัดต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่มีการร้องเรียนระหว่างการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จึงส่งให้เลขาฯ ครม.ตรวจสอบคุณสมบัติตามขั้นตอนการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งพบว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญเช่นกัน

ส่วนคำถามที่ว่า ทราบหรือไม่ว่านางนลินีถูกคว่ำบาตรและไม่ให้มีทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ชี้แจงแบบเลี่ยงๆ ด้วยสีหน้ากังวลว่า ได้ทำตามขั้นตอนตามกฎหมาย ขณะที่มีการแต่งตั้งก็ไม่มีข้อร้องเรียนอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีข้อยุติทางกฎหมาย โดยที่ตนไม่ทราบปัญหาของนางนลินีมาก่อน หลังจากที่ทราบตามที่เป็นข่าวถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติอย่างเป็นทางการ ตามหลักต้องให้ความเป็นธรรมควบคู่ไปด้วย
เมื่อถูกถามย้ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็อ้างว่าปัญหาของนางนลินีเป็นเรื่องของบุคคลและเป็นความสัมพันธ์ของบุคคล โดยได้สอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ และกรมสารนิเทศแล้ว พบว่ามีชื่อนางนลินีในบัญชี แต่ไม่ใช่การถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ และไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เมื่อถูกถามหาหลักฐาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แสดงสีหน้างุนงง และอ้างว่าสิ่งที่ตนตั้งใจมาตอบจะเป็นเรื่องความเห็น แต่ถ้าเป็นเรื่องหลักฐาน เรื่องข้อกฎหมาย จะมี ร.ต.อ.เฉลิม และกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูล

หลังจบการตอบกระทู้ ซึ่งมีประธานสภาฯ ช่วยตัดบท คุณสมบัติของนางนลินีก็ยังคลุมเครืออยู่ แม้ว่าจะย้อนไปดูคำชี้แจงจากปากของนางนลินีเอง เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นางนลินียอมรับว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2551 สำนักงานการควบคุมสินทรัพย์ของต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ออกประกาศกล่าวหาว่าตนมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านการค้าอัญมณีในนามของประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ แห่งซิมบาบเว และมาดามเกรซ มูกาเบ ภริยา และได้ประกาศอายัดทรัพย์สินของตนที่มีอยู่ในพื้นที่ที่ขอบเขตอำนาจกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งห้ามตนทำธุรกรรมด้านการเงินและการค้าขายกับคนอเมริกัน

นางนลินี อ้างว่า เรื่องนี้ เนื่องมาจากปี 2545 ประธานาธิบดีซิมบาบเวและภริยาได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตนได้รับการแนะนำให้รู้จักกับทั้งสองคน และได้ต้อนรับในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านโดยคนไทยยึดมั่นในมิตรภาพ ความเป็นเพื่อน เมื่อเป็นเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนต่อกัน และได้มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีต่อกัน แต่มิใช่ทางธุรกิจใดๆ และไม่ได้มีการทำธุรกิจกับภริยาของประธานาธิบดีแต่อย่างใด

นางนลินีพยายามย้ำว่า ตนไม่ได้ถูกขั้นบัญชีดำ หรือ แบล็กลิสต์ ห้ามเข้าประเทศสหรัฐฯ แต่แค่ถูกแซงชั่น ซึ่งเป็นมาตรการทางการเมือง ไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับการละเมิดกฎหมาย หรือทำผิดกฎหมายอาญาอย่างรุนแรง

คำชี้แจงของนางนลินีในวันนั้น ได้ทิ้งคำถามไว้มากมาย ว่าเหตุใดนางนลินียังคงความเป็นเพื่อนกับผู้นำเผด็จการเอาไว้ ทั้งที่แค่ได้รับมอบหมายให้ไปต้อนรับในครั้งแรก และการแซงชั่น ซึ่งเป็นมาตรการทางการเมืองน่าจะรุนแรงกว่า และส่งผลกระทบต่อการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีมากกว่า

ต่อมา วันที่ 27 ม.ค.นางนลินีเดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบฯ วันแรก ได้ตอบคำถามนักข่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ได้ชี้แจงไปแล้ว คงไม่ได้มีปัญหาอะไร เรื่องหลักจริยธรรมที่มีการพูดถึงนั้น ก็ควรจะตั้งอยู่บนบรรทัดฐานของความจริง ไม่ใช่แค่ข้อกล่าวหา และพยายามย้ำว่า ตนมีความรู้และประสบการณ์ที่จะทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้

แต่เมื่อถามย้ำถึงข้อครหาที่ว่า ได้รับตำแหน่งเพราะเป็นสะพานในการทำธุรกิจเหมืองแร่ในแอฟริกาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นางนลินีได้ตัดบทเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที และเมื่อถามย้ำถึงคำท้าให้ลองขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ดู นางนลินีก็ไม่ยอมตอบ อ้างว่าทำไมต้องไปทำตามคำท้า

จนถึงวันนี้ นางนลินีในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(เฉพาะสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ), สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (เฉพาะสำนักโฆษก), ราชบัณฑิตยสถาน,สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)

แต่อีกด้านหนึ่งนั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค.“กลุ่มการเมืองสีเขียว”ได้ยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบกรณีการแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน พ่วงกับกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า เข้าข่ายขัดจริยธรรมหรือไม่

ซึ่งนายประวิช รัตนเพียร ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยเมื่อ 2 ก.พ.ว่า ได้ส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม.เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วันแล้ว แต่หากไม่มาก็สามารถขยายระยะเวลาได้ในกรอบ 30 วัน

ไม่ว่าผลการตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินจะออกมาอย่างไร แต่ขณะนี้ข้อกล่าวหาที่ว่า นางนลินีทำธุรกิจกับผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจมายาวนานกว่า 30 ปี และมีการคอร์รัปชั่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ รวมทั้งข้อสงสัยการเป็นสะพานธุรกิจให้ พ.ต.ท.ทักษิณในทวีปแอฟริกา ก็ยังคาใจสาธารณชนอยู่จนบัดนี้

และเชื่อว่าตำแหน่งรัฐมนตรีของนางนลินีจะไม่มั่นคงอย่างแน่นอน