จากเพิงข้างทางกลายมาเป็นร้านทรงโปรดส่วนพระองค์ กระทั่งมีสาขามากมายทั่วกรุงเทพฯ ในขณะนี้ ไม่มีเหตุผลใดตอบความสำเร็จของร้านนี้ได้ดีเท่ากับชื่อร้านที่บ่งบอกว่า “อร่อยแน่นอน” จริงๆ
สาขาแรกตั้งอยู่ที่พระราม 9 พอเริ่มเป็นที่รู้จักจึงเปิดเพิ่มที่รัชดาฯ, ลาดพร้าว, รังสิตคลอง 2 และเปิดสาขาเมืองเอกเป็นสาขาล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง ด้วยคุณสมบัติทุกอย่างช่างล่อใจ ทีมงานจึงเดินทางมาชิมอาหาร-ชมบรรยากาศบนพื้นที่ริมน้ำแถบชานเมืองแห่งนี้
“แต่ก่อนช่วยที่บ้านทำร้านขายเหล็กค่ะ พอช่วงต้มยำกุ้ง ธุรกิจก็เลยล้มไป จากนั้นมานั่งคิดๆ ดู เอ้อ! เราชอบทำอาหารนี่ เข้าครัวกับคุณแม่ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ก็เลยลองเอาความถนัดมาทำเป็นอาชีพดู เริ่มขายเป็นเพิงเล็กๆ ก่อน ตรงพระราม 9 ตอนนั้นมีเงินทุนแค่ 3 หมื่นกว่าบาทค่ะ เมนูหลักๆ คืออาหารอีสาน ลูกค้าที่ได้มาชิมก็ชอบ เขาบอกว่ารสชาติไม่เหมือนที่อื่น พอเปิดไปเรื่อยๆ คนเริ่มบอกต่อ จากนั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จัก มีคนมากินกันแน่นร้าน”
“ผ่านไปประมาณหนึ่งปี พระองค์พี่นางฯ ก็เสด็จมาที่ร้าน ตอนนั้นตกใจมากค่ะเพราะไม่รู้มาก่อน ทำอะไรไม่ถูกเลย ท่านจอดรถและเดินเข้ามานั่งสั่งอาหารอย่างไม่ถือพระองค์ หลังจากนั้นท่านก็แวะมาเป็นประจำและยังทรงเขียนแนะนำให้ร้านของเราเป็นหนึ่งใน “6 ร้านทรงโปรด” ลงหนังสือพิมพ์ด้วยค่ะ รู้สึกดีใจมากๆ เลย ไม่คิดว่าท่านจะทรงให้เกียรติร้านเพิงข้างทางอย่างเราด้วย... ไม่คิดมาก่อนเลยค่ะว่าชีวิตจะมีวันนี้”
คุณอ๋อย ศรินทิพย์ ไชยวิรุฬห์เจริญ เจ้าของร้านวัย 50 เท้าความให้ฟังด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม ทั้งยังไม่ลืมกระซิบบอกด้วยว่า “เมนูโปรดของท่านคือสเต๊กลาวจานร้อนกับตำข้าวโพดไข่เค็มค่ะ”
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมาแล้ว 15 ปี ร้านอร่อยแน่นอนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ติดอันดับร้านอาหารแนะนำอันดับต้นๆ ในกรุงเทพฯ ถึงอย่างนั้นคุณอ๋อยก็ยังไม่หยุดนิ่ง พยายามเพิ่มเมนูให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมเคยเน้นหนักไปที่อาหารอีสานรสแซบ ทุกวันนี้มีทั้งอาหารไทย ไปจนถึงเมนูหรูประเภทสเต็ก เพื่อตอบรับความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า และที่สำคัญเป็นเพราะเธอชอบจับนู่นผสมนี่เวลาอยู่ว่างๆ จึงเกิดเป็นเมนูใหม่ให้ลูกค้าได้ลองชิมอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
30 กว่ารายการคือผลจากการคิดค้นของเธอ เมื่อเห็นว่าทีมงานกำลังตาลายกับการเลือก เจ้าของร้านจึงจัดแจงเมนูแนะนำมาให้ได้ลองชิม เริ่มตั้งแต่ “ปลาทับทิมสมุนไพร” เปรี้ยว-เค็ม-หวาน ถ้าอยากได้ทั้ง 3 รสในจานเดียว รวมทั้งรสอร่อยด้วย ขอแนะนำให้ลิ้มลองเมนูนี้
เด่นด้วยรสเครื่องเคียง หอม กระเทียม มะนาว มะพร้าวคั่ว คลุกเคล้าเข้ากับเนื้อปลาเป็นหนึ่งเดียว เคี้ยวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินเมี่ยงปลา แต่มีน้ำหวานๆ จากปลา 3 รสเพิ่มเข้าไป แถมด้วยเครื่องยำจากสมุนไพร ช่วยเพิ่มรสอร่อยเป็นทวีคูณ ที่สำคัญทางร้านแร่ปลาออกเป็นแผ่นบางพอดีคำแล้วนำไปทอด ทำให้จานนี้กลายเป็นเมนูกินง่ายและอร่อยได้ในหนึ่งเดียว
“ไม่สดไม่คิดตังค์” คือคำยืนยันจากปากเจ้าของร้านเมื่อพูดถึงความอร่อย 2 รายการนี้ “ปลาหมึกผัดไข่เค็ม” และ “ปูผัดผงกะหรี่” ว่าแล้วก็ลองเมนูแรกเพื่อพิสูจน์ความสดกันเลย แรกเคี้ยวเนื้อปลาหมึกให้สัมผัสอวบอิ่มนุ่มนิ่มสมราคาคุย ยิ่งตักน้ำแกงปรุงรสเสริมเข้าไป ไข่แดงอุ่นๆ ผสมรสเค็มๆ ของไข่ขาว ต้องบอกว่าลงตัวทั้งรูปลักษณ์และรสชาติจริงๆ โดยเฉพาะส่วนผสมเล็กๆ อย่างขึ้นฉ่ายและต้นหอม ช่วยไล่ความเลี่ยนออกไปไม่ให้เหลือรอดอยู่ในเมนูนี้แม้แต่นิดเดียว
ส่วนจานข้างๆ ก็สดไม่แพ้กัน เนื้อปูที่แช่อยู่ในผัดผงกะหรี่ให้รสหวานอย่างเป็นธรรมชาติ คาดว่าคงเป็นเพราะปูที่เลือกมาทำนั้นสดจริง ทั้งเนื้อและน้ำแกงจึงกลั่นความหวานออกมาได้อย่างหมดเปลือก ถึงแม้น้ำแกงจะรสชาติคล้ายปลาหมึกผัดไข่เค็ม แต่ความหวานของเนื้อปูช่วยให้คะแนนความอร่อยแซงหน้าไปเลย
เปลี่ยนมาลองอาหารรสแซบอย่าง “ตำแสบสนิท” กันบ้าง ชิมแล้วต้องขอยกนิ้วให้ความกล้าของเมนูนี้ทันที ตั้งแต่คนปรุงที่ต้องกล้าที่จะจัดจ้าน ขยันใส่เม็ดพริกให้คนสั่งได้เหงื่อตก และกล้าที่จะแหวกแนวอาหารอีสานรสคนกรุงซึ่งส่วนใหญ่มักเน้นรสเปรี้ยวและหวานเพื่อเอาใจลูกค้า
ส่วนคนกินก็ต้องเตรียมใจให้พร้อมเตรียมท้องรับศึกหนักเพื่อแลกกับความอร่อยสะใจ เพราะทั้งถั่วพลู หมูยอ และคอหมูย่าง ต่างชุ่มไปด้วยน้ำส้มตำรสแซบ เผ็ดนำ เค็มตาม หวานและเปรี้ยวเสริมพอขลุกขลิก แต่ถ้าอยากลองชิมจริงๆ แล้วกลัวว่าจะทนแสบปากไม่ไหว จะสั่งให้แม่ครัวแสบน้อยๆ หน่อยก็ได้ ไม่อย่างนั้นอาจได้ “แสบสนิท” จนหน้าแดงอย่างชื่อเมนูแน่ๆ
พักปาดเหงื่อด้วย “น้ำตกคอหมูย่าง” เสียหน่อย เห็นเนื้อแดงๆ คลุกเคล้าอยู่ในจาน ชวนให้คิดไปว่ายังไม่สุก ที่ไหนได้ลองจิ้มส้อมเข้าปากจึงรู้ว่ากำลังอร่อยได้ที่เลยทีเดียว รสสัมผัสที่ได้จากการเคี้ยวบ่งบอกความนุ่มละมุน โดยรวมให้รสชาติเหมือนหมูแฮมแต่เคี้ยวเพลินกว่า ด้วยส่วนมันเล็กๆ ที่ติดมากับคอหมู และเสน่ห์จากกรรมวิธีการทำที่ไม่เหมือนใคร
นำเนื้อไปหมักน้ำตาลสดก่อน ทำให้ความหวานเข้าเนื้อกว่าหมักด้วยน้ำตาลปี๊บอย่างร้านทั่วๆ ไป ส่งเข้าเตาอบให้สุก จากนั้นนำมาย่างอีกทีเพื่อให้ได้กลิ่นไหม้แต่ไม่ถึงกับไหม้เกรียม จึงได้คอหมูที่เด็ดไม่เหมือนใคร ผสมกับรสน้ำตกที่ปรุงไว้ กินแล้วรับรองต้องยกนิ้วให้
ปิดท้ายด้วยเมนูที่ทำให้ต้องหันมาสะกดชื่อกันอีกครั้ง ตั้งแต่คำว่า “ต้มแซบ” เพราะรสชาติของเขาแซบจริงๆ ซดแล้วรู้เลย แตกต่างจากร้านอื่นที่ส่วนใหญ่ต้มกันแบบน้ำใส แต่ทางร้านมีสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเอง ทำให้กลายเป็นน้ำข้นที่เข้มข้นไปด้วยความแซบนัว ที่เด็ดไม่แพ้กันคือ “กระดูกหมู” ตัวหมูติดกระดูกนั้นนุ่มแทบละลายในปาก ส่วนกระดูกอ่อนก็อ่อนสมชื่อ เคี้ยวกรุบแต่ไม่ถึงกับแข็งจนปวดกราม ความอร่อยที่ได้จากทั้งน้ำต้มที่แซบเหลือหลายและกระดูกหมูที่อ่อนได้ใจ รวมเรียกเป็น “ต้มแซบกระดูกหมู” ได้สมชื่อจริงๆ
ถึงแม้ปัจจุบันร้านจะมีหลายสาขาจนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่ามาตรฐานความอร่อยอาจไม่คงที่ แต่เจ้าของร้านยังคงยืนยันหนักแน่นว่าความอร่อยยังคงแน่นอนสมชื่อทุกสาขา เพราะวัตถุดิบที่ใช้ส่งมาจากที่เดียวกันทั้งหมด ที่สำคัญแม่ครัวแต่ละสาขาก็ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการฝึกงาน ปรับรสมืออยู่กับคุณอ๋อยอย่างต่ำคนละ 10 ปี ก่อนจะถูกส่งให้ไปประจำแต่ละแห่ง
โดยเฉพาะสาขาล่าสุดแห่งนี้ คุณอ๋อยไม่ปล่อยให้เสียชื่อร้านเด็ดขาด ลงทุนมาคุมเองอยู่ทุกวัน บวกกับบรรยากาศริมน้ำ อากาศเย็นสดชื่นช่างเป็นใจ ถึงที่เมืองเอกจะเป็นสาขาน้องใหม่ เผลอๆ อาจ “อร่อยแน่นอน” กว่าสาขาอื่นเสียด้วยซ้ำ
“อร่อยแน่นอน”
ตั้งอยู่ตรงบนถนนพหลโยธิน 86 เส้นเดียวกับทางเข้ามหาวิทยาลัยรังสิต จากซอยตรงเข้าไปประมาณ 300 เมตร เจอทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ร้านตั้งอยู่ฝั่งซ้ายติดทะเลสาบ ก่อนถึงสะพานทางรถไฟ
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00 - 24.00 น.
เบอร์ติดต่อ 08-9120-8050
6 อันดับเมนูแน่นอน!
1. ปลาทับทิมสมุนไพร : เปรี้ยว-เค็ม-หวาน ผสมสมุนไพรครบรสอร่อย
2. ตำแสบสนิท : ไม่แน่จริงอย่าสั่ง เผ็ดนำ เค็มตาม เปรี้ยวหวานลงตัว
3. ปูผัดผงกะหรี่ : หวานลิ้นด้วยเนื้อปูสด ผงกะหรี่คลุกเคล้าไม่มีเลี่ยน
4. น้ำตกคอหมูย่าง : นุ่มละมุนหมูหมักน้ำตาลสด เคล้ารสน้ำตกลงตัว
5. ต้มแซบกระดูกหมู : น้ำต้มเด็ด เนื้อนุ่ม กระดูกอ่อน สมราคาคุย
6. ปลาหมึกผัดไข่เค็ม : หมึกอวบอิ่ม นิ่มและสด ท้าให้ลอง
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย... พงศ์ศักดิ์ ขวัญเนตร