ธปท.ชี้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 54 ตัวเลขหดตัวต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ชาติไทยมาและมากกว่าช่วงวิกฤตซับไพรม์และสมัยต้มยำกุ้งปี40 ส่งผลทั้งปีโตแค่ 1% เผยจีดีพี โดยเทียบปี 54 ช่วงไตรมาส 4 กับปีก่อนติดลบ 5.2% ชี้ปัญหาอุทกภัยมีผลเศรษฐกิจ 3.1%ของจีดีพีหรือแง่มูลค่า 3.4 แสนล้านบาท
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมปี 54 ขยายตัวได้เพียง 1% ซึ่ง ธปท.ทยอยลดประมาณการเศรษฐกิจตามลำดับจากก่อน 4.1% ตามมาด้วย 2.6% และ 1.8%ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ผลกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจหดตัวมากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 เทียบกับไตรมาส 3 ติดลบ 7.4%และติดลบ 5.2% เมื่อเทียบไตรมาส 4 ของปี 53 กับปี 54
“เมื่อเทียบกับในอดีตอย่างวิกฤตซับไพรม์ที่เศรษฐกิจไทยติดลบต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส ติดลบ 0.3% ติดลบ 5.1% แง่ตัวเลขหดสูงสุดช่วงซับไพร์ม และหดตัว 2.5% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับวิกฤตปี 40 สมัยต้มยำกุ้งเศรษฐกิจหดตัวมากถึง 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยเริ่มตั้งแต่ติดลบ 0.1% ติดลบ 3.5% ติดลบ 5.1% ถือว่าติดลบสูงสุดในช่วงปี 40 และเศรษฐกิจไทยค่อนๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับเป็นติดลบ 4.7% และติดลบ 4.8% อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 หดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่เชื่อว่าเป็นการหดตัวแค่ไตรมาสเดียว เพราะเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มกลับดีขึ้น”
สำหรับปัญหาอุทกภัยได้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ 3.1%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ คิดเป็นมูลค่า 3.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบมากสุดเป็นประวัติการณ์ต่อภาวะเศรษฐกิจไทย เพราะกระทบไปยังภาคอุตสาหกรรม แต่คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ ขณะเดียวกันมองว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และมีแรงส่งต่อเนื่องไปยังระยะต่อไป
ทั้งนี้ ธปท.ยังได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.9% จากเดิม 4.8% โดยการคาดหวังจากเศรษฐกิจโลกน่าจะเป็นไปได้ยาก แม้ไม่ได้ถดถอยเหมือนเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งธปท.ประเมินเศรษฐกิจโลกไว้ที่ 3% และเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญขยายตัว 4.8% จึงเชื่อว่ามูลค่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ 7-8% ดังนั้นปีนี้เศรษฐกิจไทยอาจจะต้องพึ่งแรงส่งหลักจากในประเทศเป็นสำคัญทั้งแรงกระตุ้นจากภาคเอกชนทั้งการลงทุนและการอุปโภคบริโภค รวมถึงการลงทุนภาครัฐซึ่งธปท.ประมาณการไว้เครื่องชี้เศรษฐกิจเหล่านี้ไว้ 11.5% ตามมาด้วย 4% และ20% ตามลำดับ และคาดปี 56 เศรษฐกิจขยายตัว 5.6%
การประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในครั้งนี้ยังเห็นปัจจัยเสี่ยงด้านลบมากกว่าด้านบวก ซึ่งด้านลบต้องติดตามดูเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่ำกว่าที่คาดไว้หรือไม่ ขณะที่ด้านบวกต้องดูแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐมีมากน้อยแค่ไหนจะมีแรงผลักดันให้เศรษฐกิจโตได้เท่าไร นอกจากนี้ ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปประมาณการไว้ที่ 3.2% ในปีนี้และค่อยทยอยลดลงเหลือ 2.9% ในปีหน้า เทียบกับปี 54 ที่เงินเฟ้อ 3.8% เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.2% และลดลงเหลือ 1.7% ปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าปี 54 ที่ระดับ 2.4%.
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมปี 54 ขยายตัวได้เพียง 1% ซึ่ง ธปท.ทยอยลดประมาณการเศรษฐกิจตามลำดับจากก่อน 4.1% ตามมาด้วย 2.6% และ 1.8%ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ผลกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจหดตัวมากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 เทียบกับไตรมาส 3 ติดลบ 7.4%และติดลบ 5.2% เมื่อเทียบไตรมาส 4 ของปี 53 กับปี 54
“เมื่อเทียบกับในอดีตอย่างวิกฤตซับไพรม์ที่เศรษฐกิจไทยติดลบต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส ติดลบ 0.3% ติดลบ 5.1% แง่ตัวเลขหดสูงสุดช่วงซับไพร์ม และหดตัว 2.5% ตามลำดับ แต่เมื่อเทียบกับวิกฤตปี 40 สมัยต้มยำกุ้งเศรษฐกิจหดตัวมากถึง 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยเริ่มตั้งแต่ติดลบ 0.1% ติดลบ 3.5% ติดลบ 5.1% ถือว่าติดลบสูงสุดในช่วงปี 40 และเศรษฐกิจไทยค่อนๆ ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับเป็นติดลบ 4.7% และติดลบ 4.8% อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 หดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่เชื่อว่าเป็นการหดตัวแค่ไตรมาสเดียว เพราะเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มกลับดีขึ้น”
สำหรับปัญหาอุทกภัยได้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ 3.1%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ คิดเป็นมูลค่า 3.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบมากสุดเป็นประวัติการณ์ต่อภาวะเศรษฐกิจไทย เพราะกระทบไปยังภาคอุตสาหกรรม แต่คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ ขณะเดียวกันมองว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกน่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และมีแรงส่งต่อเนื่องไปยังระยะต่อไป
ทั้งนี้ ธปท.ยังได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.9% จากเดิม 4.8% โดยการคาดหวังจากเศรษฐกิจโลกน่าจะเป็นไปได้ยาก แม้ไม่ได้ถดถอยเหมือนเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งธปท.ประเมินเศรษฐกิจโลกไว้ที่ 3% และเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญขยายตัว 4.8% จึงเชื่อว่ามูลค่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้ 7-8% ดังนั้นปีนี้เศรษฐกิจไทยอาจจะต้องพึ่งแรงส่งหลักจากในประเทศเป็นสำคัญทั้งแรงกระตุ้นจากภาคเอกชนทั้งการลงทุนและการอุปโภคบริโภค รวมถึงการลงทุนภาครัฐซึ่งธปท.ประมาณการไว้เครื่องชี้เศรษฐกิจเหล่านี้ไว้ 11.5% ตามมาด้วย 4% และ20% ตามลำดับ และคาดปี 56 เศรษฐกิจขยายตัว 5.6%
การประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจในครั้งนี้ยังเห็นปัจจัยเสี่ยงด้านลบมากกว่าด้านบวก ซึ่งด้านลบต้องติดตามดูเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่ำกว่าที่คาดไว้หรือไม่ ขณะที่ด้านบวกต้องดูแรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐมีมากน้อยแค่ไหนจะมีแรงผลักดันให้เศรษฐกิจโตได้เท่าไร นอกจากนี้ ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปประมาณการไว้ที่ 3.2% ในปีนี้และค่อยทยอยลดลงเหลือ 2.9% ในปีหน้า เทียบกับปี 54 ที่เงินเฟ้อ 3.8% เช่นเดียวกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.2% และลดลงเหลือ 1.7% ปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าปี 54 ที่ระดับ 2.4%.
