นายกอปศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่กิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL) กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจไทยภายใต้วิกฤตการเงินยุโรปและการฟื้นฟูหลังวิกฤตน้ำท่วมวานนี้(31ม.ค.)ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ถึง 5% โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะสินเชื่อภาครัฐและเอกชน รวมถึงการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูหลังจากน้ำท่วม โดยคาดว่า ไตรมาส 4 จีดีพีอาจเติบโตได้ถึง 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่ติบลบมาก จากภาวะน้ำท่วม ซึ่งเท่าที่ดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนธันวาคม ก็เริ่มเห็นตัวเลขต่าง ๆ ที่เริ่มดีขึ้น และน่าจะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เดือนมีนาคมนี้ กำลังการผลิตจะกลับคืนมาได้ถึงประมาณ 80 - 90 %
"ในช่วงครึ่งแรกของปีการใช้จ่ายภาคเอกชนในการซ่อมแซมจากสินเชื่อที่ภาครัฐและเอกชนปล่อยจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และในช่วงครึ่งปีหลัง การลงทุนภาครัฐซึ่งคาดว่า จะมีการลงทุนเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการที่เกี่ยวกับน้ำ และการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับน้ำ ประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาท โครงการเพื่อโครงสร้างเพื่อฐานต่าง ๆ ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท และเงินกู้ซอฟต์โลนเพิ่มเติมอีก 300,000 ล้านบาท จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงต่อไป รวมถึงในช่วง 3 - 4 ปีข้างหน้า การรวมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจของไทยจะสามารถขยายตัวได้"
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังต้องจับตาดูวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแนวทางการแก้ปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจนขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า ปัญหาจะรุกรามไปถึงระบบสถาบันการเงิน
ด้านทิศทางดอกเบี้ยนโยบายคาดว่า หลังจากที่มีการปรับลดลงแล้ว 2 ครั้ง จะทรงตัวในระดับ 3% ไปจนถึงสิ้นปี หากไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปเข้ามาแทรกซ้อน ขณะที่ค่าเงินบาทจะมีความผันผวนมาก จากปัญหาของเศรษฐกิจยุโรป คาดว่าน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 30-32 บาทต่อดอลลาร์
"ในช่วงครึ่งแรกของปีการใช้จ่ายภาคเอกชนในการซ่อมแซมจากสินเชื่อที่ภาครัฐและเอกชนปล่อยจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และในช่วงครึ่งปีหลัง การลงทุนภาครัฐซึ่งคาดว่า จะมีการลงทุนเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการที่เกี่ยวกับน้ำ และการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับน้ำ ประมาณ 3-3.5 แสนล้านบาท โครงการเพื่อโครงสร้างเพื่อฐานต่าง ๆ ประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท และเงินกู้ซอฟต์โลนเพิ่มเติมอีก 300,000 ล้านบาท จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงต่อไป รวมถึงในช่วง 3 - 4 ปีข้างหน้า การรวมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ธุรกิจของไทยจะสามารถขยายตัวได้"
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังต้องจับตาดูวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแนวทางการแก้ปัญหาต่าง ๆ ยังไม่ชัดเจนขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า ปัญหาจะรุกรามไปถึงระบบสถาบันการเงิน
ด้านทิศทางดอกเบี้ยนโยบายคาดว่า หลังจากที่มีการปรับลดลงแล้ว 2 ครั้ง จะทรงตัวในระดับ 3% ไปจนถึงสิ้นปี หากไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปเข้ามาแทรกซ้อน ขณะที่ค่าเงินบาทจะมีความผันผวนมาก จากปัญหาของเศรษฐกิจยุโรป คาดว่าน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 30-32 บาทต่อดอลลาร์
