บอร์ด กนง.มีมติลด ดบ.นโยบายลง 0.25% มาที่ระดับ 3.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นการลงทุน คาดจะเป็นตัวช่วยให้ ศก. กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (บอร์ด กนง.) วันนี้ ที่ประชุมมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในอัตรา 0.25% มาอยู่ที่ 3.00% ตามที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ โดยระบุว่าเป็นระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ในวันนี้ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ เศรษฐกิจโลกอ่อนแอลง โดยเศรษฐกิจยุโรปคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะยังขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพไปอีกระยะหนึ่ง จากข้อจำกัดด้านการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังลดลงต่อเนื่อง สำหรับเศรษฐกิจเอเชียส่วนใหญ่ชะลอลงตามภาวะการส่งออกแต่ไม่มากนัก
ขณะที่เหตุการณ์อุทกภัยส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่คาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน และกระบวนการฟื้นฟูคาดว่าจะล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ โดยคณะกรรมการฯ ประเมินว่าการผลิตจะกลับมาเป็นปกติในไตรมาสที่ 3 ของปี ทั้งนี้ มาตรการภาครัฐ ความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่เริ่มกระเตื้องขึ้น และภาวะการเงินที่เอื้ออำนวย จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และรองรับการชะลอตัวของการส่งออกตามอุปสงค์โลกแรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับลดลง จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ล่าช้ากว่าที่คาด ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในประเทศที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงการฟื้นฟูหลังเหตุการณ์อุทกภัย ส่วนหนึ่งจากนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐที่จะทยอยเห็นผล จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังคงมีอยู่บ้าง คณะกรรมการฯ ประเมินว่า ในภาวะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีไม่มาก ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อยังคงเป็นปัจจัยลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ดังนั้น จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.00 ต่อปี โดยให้มีผลทันที และประเมินว่าการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้จะสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ระดับปกติได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเริ่มกระเตื้องแต่ยังเปราะบาง