ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตอดีต “ช่างกลปทุมวัน” ยิงคู่อริ “อุเทนถวาย” ตายคาซอยลาดพร้าว 124 พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ญาติผู้ตาย 4,250,000 บาท ก่อนที่ศาลจะสั่งออกหมายจับ หลังเจ้าตัวยังหลบหนีตั้งแต่ศาลชั้นต้น
วานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1088/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนางเตือนจิตร วิริยารัมภะ เป็นโจทก์ร่วม ฟ้องนายอนุชา หรือหนึ่ง เชิดชู อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (ช่างกลปทุมวัน) เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ร่วมกันมีและพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยวันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเนื่องจากจำเลยหลบหนีไปตั้งแต่เมื่อครั้งอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.49 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกที่แยกดำเนินคดีไปแล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 สเปเชียล ยิงประทุษร้าย และร่วมกันใช้มีดแทงนายเบญพล หรือโต้ง วิริยะรัมภะ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย (ช่างก่อสร้างอุเทนถวาย) เสียชีวิตภายในซอยลาดพร้าว 124 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณศีรษะและลำตัวหลายนัดจนถึงแก่ความตายสมเจตนา
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.53 ว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 9 เดือน โดยให้ลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ร้องจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 28 ก.ค.52 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นางเตือนจิตร มารดาของผู้เสียชีวิต
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าโจทก์มีประจักษ์พยานที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เบิกความยืนยันโดยไม่มีข้อพิรุธสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งแก่เพื่อนร่วมสถาบันที่ร่วมก่อเหตุ ให้ไปฆ่านายเบญพล ภายในซอยลาดพร้าว 124 โดยเพื่อนของจำเลยรุมยิงและแทงกระทั่งนายเบญพล เสียชีวิต จากนั้นพยานเห็นจำเลยเข้าไปหยิบปืนที่เอวของผู้ตายก่อนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนหลบหนี เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งกับพวก และเป็นผู้หยิบเอาปืนของผู้ตายไป ตามที่ประจักษ์พยานเบิกความ การกระทำผิดมีลักษณ์แบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้ริบของกลางหัวกระสุนปืน และให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วานนี้ (1 ก.พ.) เป็นวันสถาปนาครบรอบ 78 ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายด้วย
วานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1088/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนางเตือนจิตร วิริยารัมภะ เป็นโจทก์ร่วม ฟ้องนายอนุชา หรือหนึ่ง เชิดชู อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน (ช่างกลปทุมวัน) เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ร่วมกันมีและพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยวันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเนื่องจากจำเลยหลบหนีไปตั้งแต่เมื่อครั้งอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 ส.ค.49 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกที่แยกดำเนินคดีไปแล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 สเปเชียล ยิงประทุษร้าย และร่วมกันใช้มีดแทงนายเบญพล หรือโต้ง วิริยะรัมภะ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย (ช่างก่อสร้างอุเทนถวาย) เสียชีวิตภายในซอยลาดพร้าว 124 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.กระสุนปืนถูกผู้ตายที่บริเวณศีรษะและลำตัวหลายนัดจนถึงแก่ความตายสมเจตนา
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.53 ว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 9 เดือน โดยให้ลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิตสถานเดียว และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ร้องจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 28 ก.ค.52 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่นางเตือนจิตร มารดาของผู้เสียชีวิต
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าโจทก์มีประจักษ์พยานที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เบิกความยืนยันโดยไม่มีข้อพิรุธสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งแก่เพื่อนร่วมสถาบันที่ร่วมก่อเหตุ ให้ไปฆ่านายเบญพล ภายในซอยลาดพร้าว 124 โดยเพื่อนของจำเลยรุมยิงและแทงกระทั่งนายเบญพล เสียชีวิต จากนั้นพยานเห็นจำเลยเข้าไปหยิบปืนที่เอวของผู้ตายก่อนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนหลบหนี เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้โทรศัพท์แจ้งกับพวก และเป็นผู้หยิบเอาปืนของผู้ตายไป ตามที่ประจักษ์พยานเบิกความ การกระทำผิดมีลักษณ์แบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนลงโทษจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ร้องจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และให้ริบของกลางหัวกระสุนปืน และให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วานนี้ (1 ก.พ.) เป็นวันสถาปนาครบรอบ 78 ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวายด้วย