ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ปรับ 3 อดีตช่างกลปทุมวันฆ่าคู่อริจากเดิม 60 บาท เป็น 120 บาท ผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนโทษอื่นยืนตามชั้นต้นคงจำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และให้ชดใช้ชำระเงิน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ขณะที่แม่ผู้ตาย วอนเจ้าหน้าที่ตามจับผู้ต้องหาที่หลบหนีมารับโทษ ย้ำไม่เคยอาฆาตมาดร้าย แม้เคยพบผู้ต้องหาทั้ง 3 เมื่อครั้งสืบพยานและไม่ได้เอ่ยคำขอโทษ แต่ต้องการอยากให้หมดเวรกรรมในชาตินี้
วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 707 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำเลขที่ อ.4517/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนางเตือนจิตต์ วิริยารัมภา มารดานายเบญจพล หรือโต้ง วิริยารัมภา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ผู้ตาย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุทธินันท์ หรือตู๋ หวังหอมกลาง นายมงคล หรือเหยิน ศรีพูล และนายชาตรี หรือปิ๊ก จูวรรณะ อดีตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 289, 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตาม ม.289 (4), 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม โดยให้ประหารชีวิตฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และจำคุกคนละ 3 ปี ปรับคนละ 90 บาท ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แต่คำให้การของจำเลยทั้งสามในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ในการพิจารณา จึงลดโทษคนละ 1 ใน 3 ให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นฯ และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 60 บาท และให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันชำระเงิน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันทำละเมิดวันที่ 26 ส.ค.49 เป็นต้นไปให้กับโจทก์ร่วม จนกว่าจะชำระเสร็จ
โดยวันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย หลังจำเลยทั้งสามหลบหนี โดยมีโจทก์ร่วมคือนางเตือนจิตต์ วิริยารัมภา และนายคุณากร วิริยารัมภา บิดาและมารดาของผู้ตายมาร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นควรแก้คำพิพากษาในส่วนของความผิดฐาน พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จากเดิมที่ให้ปรับคนละ 60 บาท เป็นปรับคนละ 120 บาท ส่วนความผิดฐานอื่นให้เป็นไปตามพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต และร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 4,250,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ริบปืนของกลาง
ภายหลัง นางเตือนจิตต์กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามและผู้ต้องหาอื่นที่ร่วมกันก่อเหตุ แต่ยังคงหลบหนีให้มารับโทษตามกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้เคยสอบถามความคืบหน้าในการติดตามจับกุมตัวจำเลยหลังศาลออกหมายจับที่สน.วังทองหลาง ซึ่งทางตำรวจรับปากว่าจะช่วยติดตามจับกุมให้ แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยนับแต่วันที่ลูกจากไปจนถึงวันนี้ก็ยังเสียใจอยู่ ซึ่งวันที่ลูกตัดสินใจเรียนที่นี่ตนยังทักท้วง แต่ลูกมีความตั้งใจ เพราะเชื่อว่าหากจบจากสถาบันดังกล่าวจะได้งานทำที่ดีและมีเงินเดือนสูง และลูกชายเป็นเด็กตั้งใจเรียน เป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เด็กเกเร ทุกวันนี้ได้แต่สวดมนต์ภาวนาและอโหสิกรรมให้แก่คนที่มาทำร้ายลูกตน แม้ว่าจำเลยทั้งสามที่เคยพบเมื่อครั้งสืบพยานจะไม่เคยกล่าวแม้แต่คำขอโทษ และต่อสู้คดีมาโดยตลอดก็ตาม แต่ตนก็ไม่เคยอาฆาตมาดร้าย เนื่องจากอยากให้หมดเวรหมดกรรมในชาตินี้