ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ประหารทีมฆ่าฝรั่งออสซี่ “ไมเคิล เออร์วิน วันสเลย์” ผู้ตรวจสอบบัญชี รง.น้ำตาลเกษตรไทย ส่วน “เสี่ยประดิษฐ์” เจ้าของ รง.น้ำตาล ไม่มีหลักฐานจ้างวานฆ่า ศาลยกฟ้อง
วันนี้ (13 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ และนายอดัม เออร์วิน วันสเลย์ ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายบุญพรรณ สุทธฺวิริวรรณ นายสมโชค สุทธิวิริวรรณ น้องชาย นายประดิษฐ์ ศิริวิริยะกุล ผู้บริหารโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย และนายสมพงษ์ บัวสกุล หรือพงษ์ ปากพนัง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานจ้างวานฆ่า และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2542 เวลากลางวัน นายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ได้มีเจตนาฆ่านายไมเคิล เออร์วิน วันสเลย์ อายุ 58 ปี ชาวออสเตรเลีย หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชี บริษัท เซ้าท์ สาทร แพลนเนอร์ จำกัด ด้วยการจ้างวานจำเลยที่ 1,2 และ 4 และนายสมชาย ใจห้าว จำเลยร่วม ซึ่งศาลจังหวัดนครสวรรค์มีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. รัวยิงนายไมเคิลขณะนั่งรถยนต์ตู้โตโยต้า ทะเบียน 5ฝ-8231 กรุงเทพมหานคร ระหว่างเดินทางไปโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย กระสุนถูกศีรษะ และลำตัวเสียชีวิตทันที เนื่องจากผู้ตายตรวจสอบพบการทุจริตของโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ เหตุเกิดบริเวณทางเข้าโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันติดตามจับกุมจำเลยมาดำเนินคดี โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 49 เห็นว่าจำเลยที่ 1, 2 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง ให้จำคุกตลอดชีวิตนายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ส่วนนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และให้ยกฟ้องนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3
อัยการโจทก์ และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ด้วย ขณะที่จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า นายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดหารถจักรยานยนต์ รวมทั้งอาวุธปืนที่ใช้กระทำผิดให้กับกลุ่มมือปืน ส่วนนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุได้พานายสมชาย ใจห้าว และนายพิเชษฐ์ แก้วสามดวง หรือ ส.ทักษิณ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง มือปืนหลบหนีไปกบดานที่กรุงเทพ ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 นั้น ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุอันน่าสงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์-โจทก์ร่วม และอุทธรณ์จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฟังคำพิพากษาวันนี้จำเลยทุกคนเดินทางมาศาล โดยเฉพาะนายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ซึ่งมีอาการป่วยหนักต้องนั่งรถเข็น ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ซึ่งศาลยกฟ้อง สวมชุดซาฟารีสีฟ้าอมเทาโดยมีผู้ติดตามนับสิบคนมาคอยให้กำลังใจ