ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบุญพรรณ สุทธิวิริวรรณ นายสมโชค สุทธิวิริวรรณ น้องชาย นายประดิษฐ์ ศิริวิริยะกุล และนายสมพงษ์ บัวสกุล ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานจ้างวานฆ่า และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน สังหารนายไมเคิล เออร์วิน วันสเลย์ ชาวออสเตรเลีย อดีตหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชี บริษัท เซ้าท์สาทร แพลนเนอร์ จำกัด เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2542 บริเวณถนนทางเข้าโรงงานน้ำตาลเกษตร อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 และมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต นายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งโจทก์ และโจทก์ร่วม ไม่มีพยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ใช้จ้างวาน อีกทั้งคำให้การของพยานก็ไม่ชี้ชัดว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้สั่งฆ่านายไมเคิล
วันนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 เนื่องจากยังมีข้อสงสัยในพยานหลักฐาน ว่าจำเลยที่ 3 กระทำผิดจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 1 ให้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ตามศาลชั้นต้น และให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2542 โดยคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถตู้โตโยต้า หมายเลขทะเบียน 5ฝ-8231 กรุงเทพมหานคร ของนายไมเคิล ที่เดินทางไปยังโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย แล้วใช้อาวุธซึ่งเป็นปืนขนาด 11 มม.ยิงใส่รถตู้ กระสุนถูกศีรษะและลำตัวของนายไมเคิล รวม 7 นัด เสียชีวิตคาที่ โดยตำรวจพบว่าประเด็นการสังหารมาจากโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยประสบปัญหาขาดทุน จนเป็นหนี้ธนาคารหลายพันล้านบาท ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ธนาคารเจ้าหนี้เข้าไปฟื้นฟูกิจการแทนนายประดิษฐ์ โดยได้ว่าจ้างบริษัท เซ้าท์สาทร แพลนเนอร์ จำกัด เข้าไปดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งบริษัทได้ส่งนายไมเคิล ผู้ตาย ไปดำเนินการ แล้วพบการทุจริต จึงนำไปสู่การจ้างวานฆ่านายไมเคิล
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนายสมโชค จำเลยที่ 2 และนายสมพงษ์ จำเลยที่ 4 และมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต นายบุญพรรณ จำเลยที่ 1 ส่วนนายประดิษฐ์ จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งโจทก์ และโจทก์ร่วม ไม่มีพยานเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้ใช้จ้างวาน อีกทั้งคำให้การของพยานก็ไม่ชี้ชัดว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้สั่งฆ่านายไมเคิล
วันนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 เนื่องจากยังมีข้อสงสัยในพยานหลักฐาน ว่าจำเลยที่ 3 กระทำผิดจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 1 ให้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ตามศาลชั้นต้น และให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2542 โดยคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถตู้โตโยต้า หมายเลขทะเบียน 5ฝ-8231 กรุงเทพมหานคร ของนายไมเคิล ที่เดินทางไปยังโรงงานน้ำตาลเกษตรไทย แล้วใช้อาวุธซึ่งเป็นปืนขนาด 11 มม.ยิงใส่รถตู้ กระสุนถูกศีรษะและลำตัวของนายไมเคิล รวม 7 นัด เสียชีวิตคาที่ โดยตำรวจพบว่าประเด็นการสังหารมาจากโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยประสบปัญหาขาดทุน จนเป็นหนี้ธนาคารหลายพันล้านบาท ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ธนาคารเจ้าหนี้เข้าไปฟื้นฟูกิจการแทนนายประดิษฐ์ โดยได้ว่าจ้างบริษัท เซ้าท์สาทร แพลนเนอร์ จำกัด เข้าไปดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งบริษัทได้ส่งนายไมเคิล ผู้ตาย ไปดำเนินการ แล้วพบการทุจริต จึงนำไปสู่การจ้างวานฆ่านายไมเคิล
