00 จะเป็นเพราะสร้างภาพจนมั่วไม่ดูต้นสายปลายเหตุ กับข่าวกระทรวงพาณิชย์ในยุคของ รมว.คนใหม่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ มาถึงก็ฟิตจัดประกาศจะคุมราคาสินค้า คุมค่าครองชีพ ล่าสุดเห็นขึงขังสั่งให้รองอธิบดีกรมการค้าภายในออกมาบอกว่าจะคุมราคาข้าวแกง อาหารจานด่วนประเภทข้าวผัดกระเพราะหมู ไก่ ไข่พะโล้ราดข้าว จานละไม่เกิน 25 บาทข่าวว่าดีเดย์วันที่ 25 ก.พ.เป็นต้นไป ก็ไม่รู้ว่านั่งฝันจนเพ้อหรือเปล่า หรือว่าทั้งปีทั้งชาติไม่เคยกินข้าวราดแกงข้างถนนหรือเปล่าไม่อาจทราบได้ เพราะเวลานี้ขั้นต่ำอย่างน้อยต้องจานละ 30 บาท ซึ่งก็ต้องควานหากันแทบจะทั่วเมืองไทยถึงจะเจอสักเจ้าหนึ่ง
00 ไม่รู้เลยหรือว่าเวลานี้ รัฐบาล “ปูนิ่ม” นี่มันเป็น “ยุคข้าวยากหมากแพง”เต็มขั้น สาเหตุนอกเหนือจากฝีมือการบริหารที่ห่วยแตก ปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นไปอย่างเสรี ส่อไปทางอุ้มผู้ถือหุ้นปตท.มากกว่าอุ้มชาวบ้าน เวลานี้ดีเซลพุ่งขึ้นไปลิตรละ 31.13 บาทเข้าไปแล้ว ส่วนเบนซิน ก๊าซขึ้นไปเท่าไหร่แล้วขี้เกียจจำ ขณะเดียวกันด้วยนโยบายประชานิยมที่ประกาศเอาไว้ทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นไปรอรับกันล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะผลจากโครงการจำนำข้าวที่นอกจากไม่เห็นประโยชน์ตกถึงมือชาวนาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตรงไหน ตรงกันข้ามกลับทำให้ราคาข้าวถุงต้องขึ้นราคาแพงหูฉี่ อ้อนี่ก็เป็นต้นทุนหลักของข้าวผัดกะเพราด้วยนะวุ้ย
00 แต่ก็ดีเหมือนกันมาตรการที่เกิดขึ้นมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ตอนที่ นายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะ “กระชากค่าครองชีพ” ลงมามันก็เป็นแค่ราคาคุย ในความเป็นจริงข้าวของแพงระยับจึงต้องสร้างภาพกันจนวุ่นวาย จนกระทั่งต้องสร้างภาพกันวุ่นวายอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่หากมองอีกด้านหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน อยากจะเห็นปฏิกิริยาของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดว่าคิดอย่างไรกับ ราคาควบคุมข้าวราดกระเพราไก่-หมูจานละ 25 บาท ยินดีจะสนองนโยบายรัฐบาลหรือไม่ ก็ไหนๆหลงรักกันไปแล้วนี่ แม้แต่ขี้ก็หอมไม่ใช่เหรอ !!
00 นับวันยิ่งสร้างกระแสอารมณ์โกรธให้กับสังคมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดอาการหนุนเนื่องออกมารุมด่า แก๊ง “นิติเนรคุณ” ที่พวก “ล้มเจ้า” เจตนาดันหลังพวกเด็กๆที่อยากโชว์สร้างปมเด่นอย่าง วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ออกมายืนข้างหน้า สังคมไทยก็เป็นแบบนี้แหละบางครั้งเก็บความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน แต่ขอให้มีใครสักคนที่กล้าชูธงคัดค้าน กล้าแสดงออก กล้าชน จากนั้นก็จะมีคนไหลตามกันมาอย่างที่เห็นตอนนี้ ซึ่งถือว่า “จุดติด” ขณะเดียวกันกลุ่ม นิติเนรคุณกลุ่มนี้หากยังฝืนความรู้สึกชาวบ้านเคลื่อนไหวไม่เลิกมันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
00 ในที่สุดทำท่าต้องเจอกันในทางแคบเลี่ยงกันไม่ได้แล้วสำหรับเรื่อง “บ่อน”ในเมืองกรุงกับบทบาทของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่ล่าสุดผลการสรุปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบทุกนายประสานเสียงแบบไม่แคร์สายตาชาวบ้านว่า “ไม่มีบ่อน” ในพื้นที่แม้สักแห่งเดียว และที่เอามาแฉนั้นก็เป็นแค่ข้อมูลเก่า ก็แหงอยู่แล้ว ก็ลองบอกว่ามีซีเก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ จะร้อนแค่ไหน ดีไม่ดีมาด้วยบ่อนก็อาจจะต้องไปด้วยบ่อนก็ได้ งานนี้ก็ต้องวานให้ “เฮียชู” อย่าหยุด อย่าหุบปากเป็นอันขาด มีของดีในมือก็ปล่อยของออกมาให้หมด ไม่งั้นจะโดนข้อหา “ฮั้ว-รับงาน” อีกนะจะบอกให้
00 ตบท้ายขอนอกเรื่องกับรายงานข่าวกีฬา ฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดส่งท้ายก่อนปิดฤดูกาล ที่ “อาร์มียูไนเต็ด” แพ้คาถิ่นให้กับ เอสซีจี สมุทรสงคราม 1-3 ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรม “ถ่อยเถื่อน”นอกสนามที่น่าไม่น่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากคนที่มักได้ถูกเรียกขานว่า “สุภาพบุรุษ” แต่การแสดงออกกลับออกมาเป็นตรงกันข้ามชนิดที่เรียกว่า “หน้ามือเป็นหลังเท้า” กับเหตุการณ์ที่ สารวัตรทหาร(สห.)นายหนึ่งที่ไม่รู้อารมณ์ค้างมาจากไหนปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อนักข่าวกีฬาพร้อมทั้งตะคอกใส่หน้าว่า “มึงรู้มั๊ยว่านายกูเป็นใคร”
00 เหตุการณ์ดังกล่าวมาจากสาเหตุเพียงแค่ไม่พอใจนักข่าวคนนั้นนำขวดน้ำเข้าไปในพื้นที่ ที่เป็นข้อห้ามซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่พฤติกรรมและท่าทีที่แสดงออกมานั้นรับรองว่าสวนทางกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน เพราะนี่เป็นพฤติกรรมของ “กุ๊ย” ไม่ใช่สุภาพบุรุษ แน่นอน แค่เห็นพฤติกรรมถ่อยของลูกน้องเป็นแบบนี้มันก็ยังสะท้อนไปถึงนายว่าเป็นอย่างไรอีกด้วย โดยเฉพาะที่อ้างถึงชื่อ “เสธ.โย่ง” ซึ่งก็ต้องสืบเสาะกันต่อว่าชื่อจริงคือใคร ยศอะไรถึงได้มีลูกน้องแบบนี้ ขณะเดียวกันยังต้องฝากบอกไปถึงนายที่อยู่สูงขึ้นไปอย่าง ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานสโมสร อาร์มียูไนเต็ด แม้จะรู้ว่ามีภารกิจสำคัญอื่นๆรัดตัวมากมาย แต่ก็สมควรสละเวลามาดูแลปัดกวาดเรื่องแบบนี้บ้าง เพราะมันไม่งามเอาเสียเลย !!
00 ไม่รู้เลยหรือว่าเวลานี้ รัฐบาล “ปูนิ่ม” นี่มันเป็น “ยุคข้าวยากหมากแพง”เต็มขั้น สาเหตุนอกเหนือจากฝีมือการบริหารที่ห่วยแตก ปล่อยให้ราคาน้ำมันขึ้นไปอย่างเสรี ส่อไปทางอุ้มผู้ถือหุ้นปตท.มากกว่าอุ้มชาวบ้าน เวลานี้ดีเซลพุ่งขึ้นไปลิตรละ 31.13 บาทเข้าไปแล้ว ส่วนเบนซิน ก๊าซขึ้นไปเท่าไหร่แล้วขี้เกียจจำ ขณะเดียวกันด้วยนโยบายประชานิยมที่ประกาศเอาไว้ทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้นไปรอรับกันล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะผลจากโครงการจำนำข้าวที่นอกจากไม่เห็นประโยชน์ตกถึงมือชาวนาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยตรงไหน ตรงกันข้ามกลับทำให้ราคาข้าวถุงต้องขึ้นราคาแพงหูฉี่ อ้อนี่ก็เป็นต้นทุนหลักของข้าวผัดกะเพราด้วยนะวุ้ย
00 แต่ก็ดีเหมือนกันมาตรการที่เกิดขึ้นมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ตอนที่ นายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะ “กระชากค่าครองชีพ” ลงมามันก็เป็นแค่ราคาคุย ในความเป็นจริงข้าวของแพงระยับจึงต้องสร้างภาพกันจนวุ่นวาย จนกระทั่งต้องสร้างภาพกันวุ่นวายอย่างที่เห็นนี่แหละ แต่หากมองอีกด้านหนึ่งมันก็ดีเหมือนกัน อยากจะเห็นปฏิกิริยาของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดว่าคิดอย่างไรกับ ราคาควบคุมข้าวราดกระเพราไก่-หมูจานละ 25 บาท ยินดีจะสนองนโยบายรัฐบาลหรือไม่ ก็ไหนๆหลงรักกันไปแล้วนี่ แม้แต่ขี้ก็หอมไม่ใช่เหรอ !!
00 นับวันยิ่งสร้างกระแสอารมณ์โกรธให้กับสังคมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดอาการหนุนเนื่องออกมารุมด่า แก๊ง “นิติเนรคุณ” ที่พวก “ล้มเจ้า” เจตนาดันหลังพวกเด็กๆที่อยากโชว์สร้างปมเด่นอย่าง วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ออกมายืนข้างหน้า สังคมไทยก็เป็นแบบนี้แหละบางครั้งเก็บความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน แต่ขอให้มีใครสักคนที่กล้าชูธงคัดค้าน กล้าแสดงออก กล้าชน จากนั้นก็จะมีคนไหลตามกันมาอย่างที่เห็นตอนนี้ ซึ่งถือว่า “จุดติด” ขณะเดียวกันกลุ่ม นิติเนรคุณกลุ่มนี้หากยังฝืนความรู้สึกชาวบ้านเคลื่อนไหวไม่เลิกมันก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
00 ในที่สุดทำท่าต้องเจอกันในทางแคบเลี่ยงกันไม่ได้แล้วสำหรับเรื่อง “บ่อน”ในเมืองกรุงกับบทบาทของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่ล่าสุดผลการสรุปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบทุกนายประสานเสียงแบบไม่แคร์สายตาชาวบ้านว่า “ไม่มีบ่อน” ในพื้นที่แม้สักแห่งเดียว และที่เอามาแฉนั้นก็เป็นแค่ข้อมูลเก่า ก็แหงอยู่แล้ว ก็ลองบอกว่ามีซีเก้าอี้ ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ จะร้อนแค่ไหน ดีไม่ดีมาด้วยบ่อนก็อาจจะต้องไปด้วยบ่อนก็ได้ งานนี้ก็ต้องวานให้ “เฮียชู” อย่าหยุด อย่าหุบปากเป็นอันขาด มีของดีในมือก็ปล่อยของออกมาให้หมด ไม่งั้นจะโดนข้อหา “ฮั้ว-รับงาน” อีกนะจะบอกให้
00 ตบท้ายขอนอกเรื่องกับรายงานข่าวกีฬา ฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนัดส่งท้ายก่อนปิดฤดูกาล ที่ “อาร์มียูไนเต็ด” แพ้คาถิ่นให้กับ เอสซีจี สมุทรสงคราม 1-3 ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรม “ถ่อยเถื่อน”นอกสนามที่น่าไม่น่าเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากคนที่มักได้ถูกเรียกขานว่า “สุภาพบุรุษ” แต่การแสดงออกกลับออกมาเป็นตรงกันข้ามชนิดที่เรียกว่า “หน้ามือเป็นหลังเท้า” กับเหตุการณ์ที่ สารวัตรทหาร(สห.)นายหนึ่งที่ไม่รู้อารมณ์ค้างมาจากไหนปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อนักข่าวกีฬาพร้อมทั้งตะคอกใส่หน้าว่า “มึงรู้มั๊ยว่านายกูเป็นใคร”
00 เหตุการณ์ดังกล่าวมาจากสาเหตุเพียงแค่ไม่พอใจนักข่าวคนนั้นนำขวดน้ำเข้าไปในพื้นที่ ที่เป็นข้อห้ามซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่พฤติกรรมและท่าทีที่แสดงออกมานั้นรับรองว่าสวนทางกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐาน เพราะนี่เป็นพฤติกรรมของ “กุ๊ย” ไม่ใช่สุภาพบุรุษ แน่นอน แค่เห็นพฤติกรรมถ่อยของลูกน้องเป็นแบบนี้มันก็ยังสะท้อนไปถึงนายว่าเป็นอย่างไรอีกด้วย โดยเฉพาะที่อ้างถึงชื่อ “เสธ.โย่ง” ซึ่งก็ต้องสืบเสาะกันต่อว่าชื่อจริงคือใคร ยศอะไรถึงได้มีลูกน้องแบบนี้ ขณะเดียวกันยังต้องฝากบอกไปถึงนายที่อยู่สูงขึ้นไปอย่าง ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานสโมสร อาร์มียูไนเต็ด แม้จะรู้ว่ามีภารกิจสำคัญอื่นๆรัดตัวมากมาย แต่ก็สมควรสละเวลามาดูแลปัดกวาดเรื่องแบบนี้บ้าง เพราะมันไม่งามเอาเสียเลย !!