xs
xsm
sm
md
lg

ศก.ปี54โตแค่1.8%คาดฟื้นQ3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยเศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค.เริ่มกลับมาฟื้นตัวจากน้ำท่วม แต่ทั้งปี 54 โตต่ำกว่า 1.8% เหตุปัจจัยเศรษฐกิจโลกซ้ำเติม คาดภาคเศรษฐกิจจะฟื้นตัวมาได้ไม่เกินไตรมาส 3 ของปีนี้ ประเดิมการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสแรกปีนี้ ชี้อนาคตรายได้เกษตรไม่ได้มาจากราคา แต่กลับเป็นผลผลิต และอัตราเงินเฟ้อในปี 55 ไม่สูงเมื่อเทียบกับปีก่อน

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจล่าสุดเดือนธ.ค.ของปี 54 เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากเดือนพ.ย.เศรษฐกิจหดตัวต่ำสุดในรอบปีจากปัญหาอุทกภัยภายในประเทศเป็นสำคัญและเริ่มเห็นนักธุรกิจไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นทั้งจากการขยายการผลิต การกระจายความเสี่ยงรวมถึงการเข้าใกล้แหล่งวัตถุดิบให้มากขึ้น ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 54 โตต่ำกว่า 1.8% เนื่องจากปัญหาภัยพิบัติสึนามิในประเทศญี่ปุ่น น้ำท่วมภายในประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นภายในประเทศคาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนน่าจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด คือ ปลายไตรมาสแรกของปีนี้จากการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและรถยนต์ใหม่ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อรายได้ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 38.1 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่สะท้อนในแง่ของการลงทุนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 48.5 ในเดือนธ.ค.จากเดือนก่อนหน้า 39 และในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 56.9 จากเดือนก่อนหน้า 54.4 และคาดว่าภาคการลงทุนจะเริ่มเห็นตัวเลขเป็นบวกได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และฟื้นตัวเต็มที่ปลายไตรมาส 3

ภาคเกษตรจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา หลังต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมและคาดว่าต่อไปรายได้ภาคเกษตรจะมาจากผลผลิตมากกว่าด้านราคา ซึ่งราคาอาจจะไม่สูงเหมือนในปีก่อน ขณะเดียวกันภาพรวมเงินเฟ้อในปี 55 จะไม่สูงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เร่งตัวสูงในระหว่างปี แต่ชะลอลงในปลายปี

โดยเห็นว่าปีนี้แรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงแรกจะเกิดจากด้านความต้องการภาคเอกชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการใช้จ่ายค่อนข้างมาก ช่วงหลังจะมาจากมาตรการภาครัฐต่างๆ ซึ่งธปท.ได้รวมผลดังกล่าวเข้ามาไว้ในประมาณการเศรษฐกิจไทยและจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ก.พ.นี้ต่อไป

ส่วนภาคการผลิตอุตสาหกรรมจะเริ่มกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่บางประเภทของอุตสาหกรรมมีการฟื้นตัวไม่เท่ากัน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 2 Hard Disk Drive คาดว่าในช่วงปลายไตรมาส 2 ขณะที่ค่ายรถยนต์ต่างๆจะฟื้นได้ไม่เกินไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. 0.8% จากเดือนก่อนอยู่ที่ 0.6% เกิดจากปัญหาน้ำท่วม แต่เห็นว่าเป็นเรื่องชั่วคราว และหากภาคการผลิตฟื้นตัวก็คาดว่าจะมีการจ้างแรงงานเพิ่ม ภาคส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวได้ไตรมาส 2-3 แต่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกด้วย

เงินไหลเข้ากดดันให้บาทแข็ง

นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้เกิดจากเงินทุนไหลเข้า ซึ่งการเคลื่อนย้ายเงินทุนยังไม่มีอะไรที่ต่างกับที่ธปท.คาดการณ์ไว้ และยังระบุไม่ได้ว่าจะแข็งค่าไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากสถานการณ์ในยุโรปมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว โดยเมื่อใดที่มีข่าวดีเกิดขึ้นก็จะเกิดภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาหรือข่าวไม่ดีก็จะเกิดภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk off) แทน ทำให้เกิดภาวะเช่นนี้มาเป็นระยะๆ

“ธปท.จะดูแลค่าเงินบาทเท่าที่จำเป็น เพื่อให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสะท้อนภาวะตลาดแท้จริจมากขึ้นและเชื่อว่าตอนนี้คนไทยยอมรับสถานการณ์ภายนอกประเทศที่มีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่ว่าประเทศไทย ประเทศเดียวที่มีเงินทุนเข้าหรือออกเร็ว ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ก็เป็นไปในลักษณะนี้เช่นกัน

จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ภาคธุรกิจต้องวางแผนรับมือให้ดี เพราะในช่วงเงินบาทอ่อนทางผู้ส่งออกจะได้รับประโยชน์ ขณะที่เงินบาทแข็งทางผู้นำเข้าจะได้รับประโยชน์ ฉะนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนต้องหาจังหวะเข้าตลาดให้ดี ซึ่งธปท.จะเข้าไปดูแลค่าเงินแบบใกล้ชิดน้อยลง”

ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเงินประกันภัยที่เข้ามาชดเชยความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยเมื่อปีก่อน นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้มีเข้ามาน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา แต่คาดว่าเงินประกันภัยส่วนนี้ยังไม่หมด แต่จะทยอยเข้ามาเรื่อยๆ.
กำลังโหลดความคิดเห็น