ธปท.เผยผลสำรวจนิคมอุตสาหกรรม ไฮเทค บางปะอิน และ นวนคร พบโรงงานต่างๆ มีความตั้งใจจะฟื้นฟูกิจการให้เดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ ระบุ สิ่งสำคัญที่ภาคเอกชนต้องการ คือ ภาครัฐควรมีแผนระยะยาวในการแก้ไขปัญหานี้อย่างชัดเจน ย้ำหากปัญหายุโรปลุกลามทั่วโลก มีโอกาสทบทวนเศรษฐกิจไทยต่ำกว่า 4.8% ในปี 55
นายทรงธรรม ปิ่นโต สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ คือ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และบางปะอิน จ.นครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ซึ่งได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่า โรงงานต่างๆ ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจมีความตั้งใจในการฟื้นฟูกิจการและพยายามการปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ภาคเอกชนมีการปรับตัวค่อนข้างมากทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิต การนำวัตถุดิบอื่นมาทดแทน หรือหาแหล่งผลิตอื่นชั่วคราว ทำให้ขณะนี้หลายโรงงานเริ่มกลับมาผลิตบ้าง ส่วนที่เหลือก็นำเครื่องจักรมาซ่อมแซม เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ แผนระยะยาวของทางการในการแก้ไขปัญหาต้องมีความชัดเจนมาเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างความมั่นใจในระยะต่อไป” นายทรงธรรม กล่าว
ทั้งนี้ ธปท.เห็นว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นจะมีผลค่อนข้างมากต่อภาวะเศรษฐกิจไทย จึงส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะแถลงในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ มีโอกาสสูงที่จะติดลบและมีบางภาคเศรษฐกิจก็ถึงขั้นติดลบเช่นกัน โดยเฉพาะภาคการผลิต ขณะเดียวกันภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนขึ้น ดังนั้น ธปท.ประเมินว่าในเดือนธ.ค.นี้เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัว และคาดว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 55 หลายภาคธุรกิจจะเริ่มกลับมาผลิตได้ และจะผลิตได้ตามปกติมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2
นายทรงธรรม กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยุโรปเป็นเรื่องที่ ธปท.ต้องติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของภาวะเศรษฐกิจโลกคาดว่ายังคงเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 55 ซึ่งปัญหาหนี้สินของกลุ่มประเทศยุโรปเป็นความเสี่ยงมาแล้วช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และในสมมติฐานกรณีฐาน ธปท.ประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะไม่โต หรือติดลบน้อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้ยังยืนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ระดับ 4.8% ในปีหน้า
“หากปัญหาในยุโรปลุกลามกระทบไปทั่วโลก อาจจะส่งผลให้เราต้องทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าเรื่องยุโรปยังเป็นความเสี่ยงด้านลบต่อประมาณการเศรษฐกิจปีหน้า”
นายทรงธรรม ปิ่นโต สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ คือ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และบางปะอิน จ.นครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ซึ่งได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่า โรงงานต่างๆ ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจมีความตั้งใจในการฟื้นฟูกิจการและพยายามการปรับตัว เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ภาคเอกชนมีการปรับตัวค่อนข้างมากทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิต การนำวัตถุดิบอื่นมาทดแทน หรือหาแหล่งผลิตอื่นชั่วคราว ทำให้ขณะนี้หลายโรงงานเริ่มกลับมาผลิตบ้าง ส่วนที่เหลือก็นำเครื่องจักรมาซ่อมแซม เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือ แผนระยะยาวของทางการในการแก้ไขปัญหาต้องมีความชัดเจนมาเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างความมั่นใจในระยะต่อไป” นายทรงธรรม กล่าว
ทั้งนี้ ธปท.เห็นว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นจะมีผลค่อนข้างมากต่อภาวะเศรษฐกิจไทย จึงส่งผลกระทบต่อเนื่องให้ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งจะแถลงในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ มีโอกาสสูงที่จะติดลบและมีบางภาคเศรษฐกิจก็ถึงขั้นติดลบเช่นกัน โดยเฉพาะภาคการผลิต ขณะเดียวกันภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนขึ้น ดังนั้น ธปท.ประเมินว่าในเดือนธ.ค.นี้เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัว และคาดว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 55 หลายภาคธุรกิจจะเริ่มกลับมาผลิตได้ และจะผลิตได้ตามปกติมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2
นายทรงธรรม กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยุโรปเป็นเรื่องที่ ธปท.ต้องติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของภาวะเศรษฐกิจโลกคาดว่ายังคงเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 55 ซึ่งปัญหาหนี้สินของกลุ่มประเทศยุโรปเป็นความเสี่ยงมาแล้วช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และในสมมติฐานกรณีฐาน ธปท.ประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะไม่โต หรือติดลบน้อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้ยังยืนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ระดับ 4.8% ในปีหน้า
“หากปัญหาในยุโรปลุกลามกระทบไปทั่วโลก อาจจะส่งผลให้เราต้องทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าเรื่องยุโรปยังเป็นความเสี่ยงด้านลบต่อประมาณการเศรษฐกิจปีหน้า”