ASTV ผู้จัดการรายวัน - “เฟด” คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ดันดอลลาร์อ่อนตัว เม็ดเงินถูกโยกเปลี่ยนสภาพไหลเข้าสู่ทองคำ และตลาดหุ้น ในไทยหุ้นพุ่ง 12 จุด และมีโอกาสขยับไปต่อในวันนี้ ส่วนทองคำแท่ง ราคาซื้อขายปรับเปลี่ยนถึง 6 ครั้งก่อนปิดที่ 25,350 บาท เพิ่มขึ้น 500 บาท ภายใน 1 วัน เตือนวันนี้ระวังแรงเทขายฉุดราคาร่วง ให้จับตาตัวเลขจีดีพีไตรมาส4สหรัฐฯ และการจัดการหนี้ของกรีซ
ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25%พร้อมยืนยันว่า ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยถึงปี 2557 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เรื่องกล่าวมีผลให้สินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่าง ทองคำ และหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณประกาศเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายทองคำในประเทศ ถึง6 ครั้งในวันเดียว โดยครั้งล่าสุดวานนี้(26ม.ค.) ณ เวลา 17.00น. ทองแท่งรับซื้อคืนที่บาทละ 25,250 บาท และขายที่ 25,350 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อคืนที่บาทละ 24,877.08 บาท และขายที่ 25,750 บาท รวมแล้วราคาปรับขึ้น 500 บาท ซึ่งเป็นในไปทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 35.60 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 1,700.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าราคาทองคำวานนี้ (26 ม.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากผลการประชุมเฟดออกมามีมติที่คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0 – 0.25% อีกทั้งมีมาตรการที่จะซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน 5,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งผลจากการประชุมดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจในทองคำอีกครั้ง ด้วยทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ และยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยนที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้
ทำให้แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(27ม.ค.) คาดกรอบการลงทุน 1,695 – 1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาทองคำสามารถทำราคากลับขึ้นมายืนเหนือ 1,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ จึงส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,725 – 1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีสถานะแนะนำนักลงทุนรอซื้อกลับเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงมาบริเวณ 1,695 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุนในเรื่องของเงินเฟ้อราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ประเด็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟดนับว่ามีส่วนสำคัญต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ อีกทั้งเมื่อมีมาตรการซื้อคืนพันธบัตรครั้งต่อไป ยิ่งช่วยผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง จุดนี้จึงมีผลให้นักลงทุนโยกเงินจากดอลลาร์สหรัฐ มาที่ทองคำ และหุ้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแรงขึ้นของทองคำรอบนี้ อาจจะปรับลดลงได้จากแรงเทขายในวันนี้(27ม.ค.) ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสสุดท้ายของสหรัฐฯที่หลายคนคาดว่าจะโต3% แต่ความจริงอาจไม่เป็นดังที่หลายฝ่ายคาดหวัง
“ระยะกลางเรายังมองที่ 1,680 เหรียญ ตัวเลขจีดีพีสหรัฐณฯไตรมาส4 อาจแย่กว่าที่คาดไว้ อีกทั้งเราต้องมองกรีซด้วยว่าจะจัดการสะสางปัญหาที่จึงถึงได้หรือไม่ หากไม่ได้ เชื่อว่าจะเกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างทองคำ และหุ้น กลับเข้าไปหาดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้ง”
***หุ้นไทยดีด12.53จุดขานรับเฟดคงดบ.
ด้านดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดที่ระดับ 1,068.54 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด หรือ 1.19% มูลค่าการซื้อขาย 25,110.56 ล้านบาท โดยปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ จากสัญญาณการฟื้นตัวของวัฎจักรเศรษฐกิจ หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำพิเศษไปถึงปี 57 อีกทั้งได้รับแรงสนับสนุนจาก อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ลดลง 0.25% ช่วยสนับสนุน โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 497.30 ล้านบาท และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 787.76 ล้านบาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี( ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวในแดนบวกตามแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ หลังจากมีสัญญาณการฟื้นตัววัฎจักรเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ทั้งแบงก์และพลังงานในตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศได้แรงหนุนจากประเด็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องติดตาม เรื่องการแก้ไขหนี้ของกรีซที่ในปลายสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้ข้อสรุป
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 ม.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นไทยคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,065 และ 1,060 จุด ส่วนแนวต้าน 1,075 และ 1,080 จุด
ภายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25%พร้อมยืนยันว่า ยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยถึงปี 2557 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เรื่องกล่าวมีผลให้สินทรัพย์เพื่อการลงทุนอย่าง ทองคำ และหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นทั่วโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณประกาศเปลี่ยนแปลงราคาซื้อขายทองคำในประเทศ ถึง6 ครั้งในวันเดียว โดยครั้งล่าสุดวานนี้(26ม.ค.) ณ เวลา 17.00น. ทองแท่งรับซื้อคืนที่บาทละ 25,250 บาท และขายที่ 25,350 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อคืนที่บาทละ 24,877.08 บาท และขายที่ 25,750 บาท รวมแล้วราคาปรับขึ้น 500 บาท ซึ่งเป็นในไปทิศทางเดียวกับราคาทองคำในตลาดนิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 35.60 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 1,700.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่าราคาทองคำวานนี้ (26 ม.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากผลการประชุมเฟดออกมามีมติที่คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0 – 0.25% อีกทั้งมีมาตรการที่จะซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน 5,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งผลจากการประชุมดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจในทองคำอีกครั้ง ด้วยทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ และยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยนที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้
ทำให้แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(27ม.ค.) คาดกรอบการลงทุน 1,695 – 1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาทองคำสามารถทำราคากลับขึ้นมายืนเหนือ 1,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ จึงส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,725 – 1,750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีสถานะแนะนำนักลงทุนรอซื้อกลับเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงมาบริเวณ 1,695 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากการเก็งกำไรของนักลงทุนในเรื่องของเงินเฟ้อราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ประเด็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟดนับว่ามีส่วนสำคัญต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำ อีกทั้งเมื่อมีมาตรการซื้อคืนพันธบัตรครั้งต่อไป ยิ่งช่วยผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง จุดนี้จึงมีผลให้นักลงทุนโยกเงินจากดอลลาร์สหรัฐ มาที่ทองคำ และหุ้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแรงขึ้นของทองคำรอบนี้ อาจจะปรับลดลงได้จากแรงเทขายในวันนี้(27ม.ค.) ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสสุดท้ายของสหรัฐฯที่หลายคนคาดว่าจะโต3% แต่ความจริงอาจไม่เป็นดังที่หลายฝ่ายคาดหวัง
“ระยะกลางเรายังมองที่ 1,680 เหรียญ ตัวเลขจีดีพีสหรัฐณฯไตรมาส4 อาจแย่กว่าที่คาดไว้ อีกทั้งเราต้องมองกรีซด้วยว่าจะจัดการสะสางปัญหาที่จึงถึงได้หรือไม่ หากไม่ได้ เชื่อว่าจะเกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างทองคำ และหุ้น กลับเข้าไปหาดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้ง”
***หุ้นไทยดีด12.53จุดขานรับเฟดคงดบ.
ด้านดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดที่ระดับ 1,068.54 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด หรือ 1.19% มูลค่าการซื้อขาย 25,110.56 ล้านบาท โดยปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ จากสัญญาณการฟื้นตัวของวัฎจักรเศรษฐกิจ หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำพิเศษไปถึงปี 57 อีกทั้งได้รับแรงสนับสนุนจาก อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ลดลง 0.25% ช่วยสนับสนุน โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 497.30 ล้านบาท และ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 787.76 ล้านบาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี( ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวในแดนบวกตามแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ หลังจากมีสัญญาณการฟื้นตัววัฎจักรเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ทั้งแบงก์และพลังงานในตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศได้แรงหนุนจากประเด็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ต้องติดตาม เรื่องการแก้ไขหนี้ของกรีซที่ในปลายสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้ข้อสรุป
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 ม.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นไทยคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,065 และ 1,060 จุด ส่วนแนวต้าน 1,075 และ 1,080 จุด