ASTVผู้จัดการรายวัน- นักลงทุนจากนิคมฯ สหรัตนนคร หนีย้ายไปอยู่ที่อื่นเกือบ 50% หลังไม่มั่นใจแผนสร้างคันกั้นน้ำ เหตุผู้บริหารติดแผนฟื้นฟูกิจการ ขณะที่นิคมฯ บางปะอินลุยเอง ไม่รอเงินออมสิน "พงษ์สวัสดิ์"เร่งภารกิจแรกฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมหารือคลังเร่งตั้งกองทุนประกันภัยน้ำท่วม และจี้ออมสินปล่อยกู้ "ปู"สั่งบี้หน่วยงานเร่งแก้น้ำท่วมตามกรอบงบประมาณ ใครไม่คืบยึดเงินคืน ครม.ไฟเขียวอีก 1.5 หมื่นล้าน แก้น้ำท่วม
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีโรงงานในนิคมฯ สหรัตนนครได้ประกาศขายโรงงานรวมถึงการย้ายออกจากพื้นที่นิคมฯ แล้ว ประมาณ 14 รายจากทั้งหมดที่มีอยู่ 43 โรงงาน หลังจากที่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแผนป้องกันน้ำของนิคมฯ ที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น และย้ายโรงงานไปยังจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และภาคตะวันออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการย้ายออกไปแบบชั่วคราว เพราะยังมีคำสั่งซื้อเดิมอยู่ก่อนที่จะหาพื้นที่ถาวรต่อไป
“นักลงทุนไม่มั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมอีกในปีนี้ เพราะผู้พัฒนานิคมฯ ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ จึงไม่สามารถขอสินเชื่อในการสร้างเขื่อนได้คล่องตัวเหมือนกับนิคมฯ แห่งอื่น เพราะต้องรอเจ้าหนี้ให้ความเห็นชอบก่อน ขณะเดียวกันยังโรงงานอีก 3 แห่งยังไม่ได้ส่งพนักงานมาทำความสะอาดและฟื้นฟูกิจการหลังจากที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และที่สำคัญยังไม่สามารถติดเจ้าของกิจการได้เลย ซึ่งคาดว่านักลงทุนคงอยู่ระหว่างการรอแผนการป้องกันน้ำของผู้พัฒนานิคมก่อน แต่เชื่อว่าคงจะมีแนวโน้มที่จะย้ายโรงงานไปที่อื่นเช่นกัน”นายณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ โรงงานที่ย้ายออกไปยังมีการประกาศขายพื้นที่ก่อนย้ายออกไป ส่วนโรงงานที่มีการเช่าพื้นที่อยู่ ก็ทราบว่าเดือนมี.ค.นี้หลายรายก็จะไม่จ่ายค่าส่วนกลางแล้ว ขณะที่อีก 16 รายที่เหลือยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ประมาณช่วงเดือนเม.ย.2555 ส่วนที่เหลือก็เริ่มเดินเครื่องแล้ว
สำหรับแผนการสร้างเขื่อนป้องกันนำของนิคมฯ สหรัตนนคร เบื้องต้นผู้พัฒนานิคมยื่นขอกู้เงินจากธนาคารออมสิน 240 ล้านบาท ระยะทาง 8 กม. ในพื้นที่ 1,100 ไร่ แต่ยังมีพื้นที่อีก 300 ไร่ที่เป็นพื้นที่ว่างที่ผู้พัฒนานิคมยังไม่สามารถสร้างเขื่อนได้ เพราะต้องรอเจ้าหนี้พิจารณาอีกรอบ
นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะอินได้เริ่มก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำรอบพื้นที่นิคมฯ แล้ว เพื่อเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ล่าสุดเริ่มก่อสร้างไปแล้วระยะทาง 1 กม. โดยมีความสูงกำแพงคอนกรีต 6.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากระยะทางทั้งหมด 11 กม. โดยผู้พัฒนานิคมได้ใช้งบประมาณของบริษัทดำเนินการไปก่อนก่อนที่ธนาคารออมสินจะอนุมัติเงินกู้ 700 ล้านบาท เพราะหากรอให้ธนาคารอนุมัติเงินแล้วสร้างภายหลังจะเสร็จช้าอาจไม่ทันรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมา
การก่อสร้างเขื่อนของนิคมฯ บางปะอิน ถือเป็นการดำเนินการแห่งแรกของนิคมฯ อุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งนักลงทุนที่อยู่ในนิคมฯ จำนวน 90 ราย ได้แสดงความมั่นใจในผู้พัฒนานิคมฯ อย่างมากหลังจากที่สามารถก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำได้อย่างรวดเร็ว
***"พงษ์สวัสดิ์"เร่งฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังการเข้าทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมวันแรก วานนี้ (24ม.ค.) ว่า จะยังคงสานต่อนโยบายของน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรมว.อุตสาหกรรม แต่ที่จะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอันดับแรก คือ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจากภาวะอุทกภัยในไทย ทั้งการโรดโชว์ดึงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการในการสร้างระบบป้องกันอุทกภัยให้ทันรองรับฤดูฝนที่กำลังจะมาช่วงพ.ค.-มิ.ย.2555
โดยภารกิจแรก จะเดินทางไปอินเดียร่วมกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่าง 23-27 ม.ค. ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้จัดคณะนักธุรกิจไทยร่วมเดินทางไปพบกับนักธุรกิจอินเดีย และจะใช้โอกาสนี้ สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทยและชักชวนนักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนยังไทยให้มากขึ้นจากปัจจุบันอินเดียมีการลงทุนในไทยประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท เพราะไทยมีอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเคมี
สำหรับการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมฯ เขตประกอบการ สวนอุตสาหกรรม ในการสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม เบื้องต้นนอกเหนือจากการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารออมสิน วงเงิน 15,000 ล้านบาทแล้ว ยังได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังที่จะให้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติที่มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินประเดิมตั้งกองทุนจำนวน 50,000 ล้านบาทสนับสนุนในการรับช่วงประกันภัยน้ำท่วมต่อจากบริษัทประกันภัย เพื่อลดภาระให้เอกชนที่ขณะนี้บริษัทประกันภัยต่างชาติคิดเบี้ยประกันภัยน้ำท่วมสูงจากปกติถึง 6 เท่า
“ระหว่างเดินทางไปอินเดียจะได้หารือกับนายกิตติรัตน์ถึงรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงความชัดเจนในวงเงินสนับสนุน และการพิจารณาวงเงินกู้อีกส่วนจากธนาคารออมสินว่ามีความคืบหน้าอย่างไร”ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าว
***"ปู"สั่งบี้งบแก้น้ำท่วมใครไม่ใช้ยึดคืน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (24 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เลขาธิการ ครม.ไปรวบรวมแผนงานและงบประมาณแผนฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านพ้นไป เพื่อให้รัฐมนตรีใหม่ทำการสานต่ออย่างละเอียด และให้รัฐมนตรีเดิมไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่า แผนการและงบประมาณดังกล่าวถูกต้องตามที่ได้ดำเนินการไว้แล้วหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุด หลังจากที่ครม. ได้อนุมัติวงเงินงบประมาณ 120,000 ล้านบาทไปแล้ว
"ครม.ต้องไปทบทวน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นแผนป้องกันน้ำหลากที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เช่น ประตูระบายน้ำ การขุดลอกคูคลอง ให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และใส่รายละเอียดเพิ่มเติมว่าส่วนราชการต้นสังกัดใดที่ได้รับกรอบวงเงินงบประมาณไปแล้ว ไม่ดำเนินการในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ ครม.จะนำงบดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการใหม่ เพราะครม.ต้องการเร่งรัดให้มีการดำเนินการตามกรอบนโยบายและงบประมาณที่ได้อนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้"นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วางแผนให้ครม. ลงพื้นที่เพื่อไปกำกับดูแผนงาน นโยบายในรายพื้นที่ว่า เมื่อได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว มีผลการปฏิบัติงานอย่างไร โดยได้กำหนดวันที่ 13-17 ก.พ. ทางครม.จะลงพื้นที่ไปดูเนื้องานจริงๆ ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ ภาคเหนือตอนกลาง ภาคกลาง และท้ายน้ำ
***กำชับกทม.ดูแลคูคลองด้วย
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ครม. ยังได้กำชับให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ดูแลเรื่องคูคลอง และแก้ปัญหาน้ำท่วมในกทม. ภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยต้องลอกคลองให้สะอาดตามที่ได้อนุมัติงบประมาณไป 1,900 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ครม.กำลังจัดทำแผนผังคลองทั้ง กทม. และปริมณฑลทั้งหมด พร้อมอธิบายรายละเอียดประกอบว่าคลองใดในพื้นที่จังหวัดใด หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ และกทม.รับผิดชอบคลองใดบ้าง
***ครม.ให้อีก1.5หมื่นล้านแก้น้ำท่วม
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. ยังได้อนุมัติแผนงานและโครงการตามที่คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) เสนอ โดยอนุมัติงบประมาณ 14,995 ล้านบาท ดำเนินแผนงานโครงการด้านคมนาคมขนส่ง 559 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภคกว่า 4,106 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านศาสนสถาน และโบราณสถานกว่า 1,520 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านสถานศึกษากว่า 2,834 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทานกว่า 5,780 ล้านบาท และแผนงานและโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 194 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป
นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีโรงงานในนิคมฯ สหรัตนนครได้ประกาศขายโรงงานรวมถึงการย้ายออกจากพื้นที่นิคมฯ แล้ว ประมาณ 14 รายจากทั้งหมดที่มีอยู่ 43 โรงงาน หลังจากที่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแผนป้องกันน้ำของนิคมฯ ที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น และย้ายโรงงานไปยังจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และภาคตะวันออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการย้ายออกไปแบบชั่วคราว เพราะยังมีคำสั่งซื้อเดิมอยู่ก่อนที่จะหาพื้นที่ถาวรต่อไป
“นักลงทุนไม่มั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมอีกในปีนี้ เพราะผู้พัฒนานิคมฯ ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ จึงไม่สามารถขอสินเชื่อในการสร้างเขื่อนได้คล่องตัวเหมือนกับนิคมฯ แห่งอื่น เพราะต้องรอเจ้าหนี้ให้ความเห็นชอบก่อน ขณะเดียวกันยังโรงงานอีก 3 แห่งยังไม่ได้ส่งพนักงานมาทำความสะอาดและฟื้นฟูกิจการหลังจากที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และที่สำคัญยังไม่สามารถติดเจ้าของกิจการได้เลย ซึ่งคาดว่านักลงทุนคงอยู่ระหว่างการรอแผนการป้องกันน้ำของผู้พัฒนานิคมก่อน แต่เชื่อว่าคงจะมีแนวโน้มที่จะย้ายโรงงานไปที่อื่นเช่นกัน”นายณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ โรงงานที่ย้ายออกไปยังมีการประกาศขายพื้นที่ก่อนย้ายออกไป ส่วนโรงงานที่มีการเช่าพื้นที่อยู่ ก็ทราบว่าเดือนมี.ค.นี้หลายรายก็จะไม่จ่ายค่าส่วนกลางแล้ว ขณะที่อีก 16 รายที่เหลือยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ประมาณช่วงเดือนเม.ย.2555 ส่วนที่เหลือก็เริ่มเดินเครื่องแล้ว
สำหรับแผนการสร้างเขื่อนป้องกันนำของนิคมฯ สหรัตนนคร เบื้องต้นผู้พัฒนานิคมยื่นขอกู้เงินจากธนาคารออมสิน 240 ล้านบาท ระยะทาง 8 กม. ในพื้นที่ 1,100 ไร่ แต่ยังมีพื้นที่อีก 300 ไร่ที่เป็นพื้นที่ว่างที่ผู้พัฒนานิคมยังไม่สามารถสร้างเขื่อนได้ เพราะต้องรอเจ้าหนี้พิจารณาอีกรอบ
นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะอินได้เริ่มก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำรอบพื้นที่นิคมฯ แล้ว เพื่อเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ล่าสุดเริ่มก่อสร้างไปแล้วระยะทาง 1 กม. โดยมีความสูงกำแพงคอนกรีต 6.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากระยะทางทั้งหมด 11 กม. โดยผู้พัฒนานิคมได้ใช้งบประมาณของบริษัทดำเนินการไปก่อนก่อนที่ธนาคารออมสินจะอนุมัติเงินกู้ 700 ล้านบาท เพราะหากรอให้ธนาคารอนุมัติเงินแล้วสร้างภายหลังจะเสร็จช้าอาจไม่ทันรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมา
การก่อสร้างเขื่อนของนิคมฯ บางปะอิน ถือเป็นการดำเนินการแห่งแรกของนิคมฯ อุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งนักลงทุนที่อยู่ในนิคมฯ จำนวน 90 ราย ได้แสดงความมั่นใจในผู้พัฒนานิคมฯ อย่างมากหลังจากที่สามารถก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำได้อย่างรวดเร็ว
***"พงษ์สวัสดิ์"เร่งฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังการเข้าทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมวันแรก วานนี้ (24ม.ค.) ว่า จะยังคงสานต่อนโยบายของน.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรมว.อุตสาหกรรม แต่ที่จะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอันดับแรก คือ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจากภาวะอุทกภัยในไทย ทั้งการโรดโชว์ดึงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการในการสร้างระบบป้องกันอุทกภัยให้ทันรองรับฤดูฝนที่กำลังจะมาช่วงพ.ค.-มิ.ย.2555
โดยภารกิจแรก จะเดินทางไปอินเดียร่วมกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่าง 23-27 ม.ค. ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้จัดคณะนักธุรกิจไทยร่วมเดินทางไปพบกับนักธุรกิจอินเดีย และจะใช้โอกาสนี้ สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทยและชักชวนนักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนยังไทยให้มากขึ้นจากปัจจุบันอินเดียมีการลงทุนในไทยประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท เพราะไทยมีอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเคมี
สำหรับการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมฯ เขตประกอบการ สวนอุตสาหกรรม ในการสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม เบื้องต้นนอกเหนือจากการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารออมสิน วงเงิน 15,000 ล้านบาทแล้ว ยังได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังที่จะให้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติที่มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินประเดิมตั้งกองทุนจำนวน 50,000 ล้านบาทสนับสนุนในการรับช่วงประกันภัยน้ำท่วมต่อจากบริษัทประกันภัย เพื่อลดภาระให้เอกชนที่ขณะนี้บริษัทประกันภัยต่างชาติคิดเบี้ยประกันภัยน้ำท่วมสูงจากปกติถึง 6 เท่า
“ระหว่างเดินทางไปอินเดียจะได้หารือกับนายกิตติรัตน์ถึงรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงความชัดเจนในวงเงินสนับสนุน และการพิจารณาวงเงินกู้อีกส่วนจากธนาคารออมสินว่ามีความคืบหน้าอย่างไร”ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์กล่าว
***"ปู"สั่งบี้งบแก้น้ำท่วมใครไม่ใช้ยึดคืน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (24 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เลขาธิการ ครม.ไปรวบรวมแผนงานและงบประมาณแผนฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านพ้นไป เพื่อให้รัฐมนตรีใหม่ทำการสานต่ออย่างละเอียด และให้รัฐมนตรีเดิมไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่า แผนการและงบประมาณดังกล่าวถูกต้องตามที่ได้ดำเนินการไว้แล้วหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการสะดุด หลังจากที่ครม. ได้อนุมัติวงเงินงบประมาณ 120,000 ล้านบาทไปแล้ว
"ครม.ต้องไปทบทวน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นแผนป้องกันน้ำหลากที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เช่น ประตูระบายน้ำ การขุดลอกคูคลอง ให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และใส่รายละเอียดเพิ่มเติมว่าส่วนราชการต้นสังกัดใดที่ได้รับกรอบวงเงินงบประมาณไปแล้ว ไม่ดำเนินการในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ ครม.จะนำงบดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการใหม่ เพราะครม.ต้องการเร่งรัดให้มีการดำเนินการตามกรอบนโยบายและงบประมาณที่ได้อนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้"นายอนุสรณ์กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี วางแผนให้ครม. ลงพื้นที่เพื่อไปกำกับดูแผนงาน นโยบายในรายพื้นที่ว่า เมื่อได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว มีผลการปฏิบัติงานอย่างไร โดยได้กำหนดวันที่ 13-17 ก.พ. ทางครม.จะลงพื้นที่ไปดูเนื้องานจริงๆ ตั้งแต่พื้นที่ต้นน้ำ ภาคเหนือตอนกลาง ภาคกลาง และท้ายน้ำ
***กำชับกทม.ดูแลคูคลองด้วย
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ครม. ยังได้กำชับให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ดูแลเรื่องคูคลอง และแก้ปัญหาน้ำท่วมในกทม. ภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยต้องลอกคลองให้สะอาดตามที่ได้อนุมัติงบประมาณไป 1,900 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ครม.กำลังจัดทำแผนผังคลองทั้ง กทม. และปริมณฑลทั้งหมด พร้อมอธิบายรายละเอียดประกอบว่าคลองใดในพื้นที่จังหวัดใด หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ และกทม.รับผิดชอบคลองใดบ้าง
***ครม.ให้อีก1.5หมื่นล้านแก้น้ำท่วม
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. ยังได้อนุมัติแผนงานและโครงการตามที่คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) เสนอ โดยอนุมัติงบประมาณ 14,995 ล้านบาท ดำเนินแผนงานโครงการด้านคมนาคมขนส่ง 559 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภคกว่า 4,106 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านศาสนสถาน และโบราณสถานกว่า 1,520 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านสถานศึกษากว่า 2,834 ล้านบาท แผนงานและโครงการด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทานกว่า 5,780 ล้านบาท และแผนงานและโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 194 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบเพื่อนำไปดำเนินการต่อไป