วานนี้(24 ม.ค.)ที่ห้องพิจารณาที่ 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อ.1620/2554 ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวัฒนานุสรณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2553 ตั้งแต่เวลา 18.30 น.จนถึงเวลากลางคืน จำเลยได้กล่าวปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ต่อประชาชนผู้มาฟังการชุมนุมปราศรัย เหตุเกิดที่ แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักร
ทั้งนี้ จำเลยและทนายจำเลยแถลงต่อศาล ขอให้การรับสารภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ให้การปฏิเสธ โดยทนายจำเลยจะขอยื่นคำให้การประกอบคำรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกลับคำให้การ โดยขอให้การรับสารภาพ สอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่ติดใจสืบพยานอีก ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติไปสืบเสาะประวัติของจำเลยให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคดี และศาลนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง วันที่ 28 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายคารม พลพรกลาง ทนายความของนายสุรชัย เปิดเผยว่า การรับสารภาพครั้งนี้เป็นการรับสารภาพใน 2 สำนวน รวมถึงคดีปราศรัยที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยจะอ่านคำพิพากษาวันที่ 28 ก.พ.นี้ พร้อมกัน ซึ่งสาเหตุที่เปลี่ยนคำให้การ จากที่เคยให้การปฏิเสธเป็นการรับสารภาพนั้น เนื่องจากเห็นว่าหากยังต่อสู้คดีอาจมีปัญหาเรื่องของการยื่นประกันตัว
ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อคดีถึงชั้นอุทธรณ์และฎีกาแล้วจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการยื่นประกันตัวก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะเดียวกัน นายสุรชัย ก็มีปัญหาด้านสุขภาพ อย่างไรก็ดี หากศาลมีคำพิพากษาแล้วก็จะยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
โดยขณะนี้ตนได้ร่างคำร้องเพื่อขอให้มีการพิจารณาย้ายนายสุรชัยที่ตกเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาท ให้ไปอยู่สถานที่คุมขังเดียวกับนักโทษการเมือง และจะยื่นคำร้องในเร็วๆ นี้ ซึ่งตนกำลังพิจารณาว่าจะยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม หรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรือคณะกรรมการอิสระฯ อย่างไรก็ตาม นายสุรชัยยังถูกกล่าวหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีก 1 สำนวน ที่พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้สั่งฟ้อง ซึ่งนายสุรชัยก็ให้การปฏิเสธไว้ จึงต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล
**ศาลเตือน“พระกี้ร์”อย่าทำผิดเงื่อนไข
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลได้เรียก พระกี้ร์ หรือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยในคดีก่อการร้าย มาสอบถามถึงความเคลื่อนไหว หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมีคนพบเห็นขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2554
โดยกล่าวปราศรัยทำนองว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และตุลาการ ไม่ใช่ของประชาชนอย่างแท้จริง และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องการได้รับการประกันตัว ซึ่ง พระกี้ร์ ได้แถลงต่อศาลว่า งานดังกล่าวเป็นงานปีใหม่ที่ นายสุพร อัตถาวงศ์ จำเลยคดีก่อการร้าย จัดขึ้น และได้ขึ้นไปร้องเพลงเพียง 2 เพลง ไม่ได้มีการปราศรัยตามที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ดี ศาลได้สั่งกำชับและตักเตือนให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์อย่างเคร่งครัด หากกระทำการใดๆ ในลักษณะนี้อีก ศาลจะพิจารณาโดยเรียกมาไต่สวนอย่างละเอียด ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือผู้ใดร้องเรียน
กรณีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2553 ตั้งแต่เวลา 18.30 น.จนถึงเวลากลางคืน จำเลยได้กล่าวปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ต่อประชาชนผู้มาฟังการชุมนุมปราศรัย เหตุเกิดที่ แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักร
ทั้งนี้ จำเลยและทนายจำเลยแถลงต่อศาล ขอให้การรับสารภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ให้การปฏิเสธ โดยทนายจำเลยจะขอยื่นคำให้การประกอบคำรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกลับคำให้การ โดยขอให้การรับสารภาพ สอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่ติดใจสืบพยานอีก ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติไปสืบเสาะประวัติของจำเลยให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาคดี และศาลนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง วันที่ 28 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายคารม พลพรกลาง ทนายความของนายสุรชัย เปิดเผยว่า การรับสารภาพครั้งนี้เป็นการรับสารภาพใน 2 สำนวน รวมถึงคดีปราศรัยที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยจะอ่านคำพิพากษาวันที่ 28 ก.พ.นี้ พร้อมกัน ซึ่งสาเหตุที่เปลี่ยนคำให้การ จากที่เคยให้การปฏิเสธเป็นการรับสารภาพนั้น เนื่องจากเห็นว่าหากยังต่อสู้คดีอาจมีปัญหาเรื่องของการยื่นประกันตัว
ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อคดีถึงชั้นอุทธรณ์และฎีกาแล้วจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการยื่นประกันตัวก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะเดียวกัน นายสุรชัย ก็มีปัญหาด้านสุขภาพ อย่างไรก็ดี หากศาลมีคำพิพากษาแล้วก็จะยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
โดยขณะนี้ตนได้ร่างคำร้องเพื่อขอให้มีการพิจารณาย้ายนายสุรชัยที่ตกเป็นจำเลยคดีหมิ่นประมาท ให้ไปอยู่สถานที่คุมขังเดียวกับนักโทษการเมือง และจะยื่นคำร้องในเร็วๆ นี้ ซึ่งตนกำลังพิจารณาว่าจะยื่นคำร้องต่อรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม หรืออธิบดีกรมราชทัณฑ์ หรือคณะกรรมการอิสระฯ อย่างไรก็ตาม นายสุรชัยยังถูกกล่าวหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีก 1 สำนวน ที่พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้สั่งฟ้อง ซึ่งนายสุรชัยก็ให้การปฏิเสธไว้ จึงต้องไปต่อสู้ในชั้นศาล
**ศาลเตือน“พระกี้ร์”อย่าทำผิดเงื่อนไข
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลได้เรียก พระกี้ร์ หรือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยในคดีก่อการร้าย มาสอบถามถึงความเคลื่อนไหว หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมีคนพบเห็นขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2554
โดยกล่าวปราศรัยทำนองว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และตุลาการ ไม่ใช่ของประชาชนอย่างแท้จริง และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องการได้รับการประกันตัว ซึ่ง พระกี้ร์ ได้แถลงต่อศาลว่า งานดังกล่าวเป็นงานปีใหม่ที่ นายสุพร อัตถาวงศ์ จำเลยคดีก่อการร้าย จัดขึ้น และได้ขึ้นไปร้องเพลงเพียง 2 เพลง ไม่ได้มีการปราศรัยตามที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ดี ศาลได้สั่งกำชับและตักเตือนให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์อย่างเคร่งครัด หากกระทำการใดๆ ในลักษณะนี้อีก ศาลจะพิจารณาโดยเรียกมาไต่สวนอย่างละเอียด ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือผู้ใดร้องเรียน
