บ้านปูขายถ่านหินล่วงหน้าแล้ว 40%ของปริมาณการผลิตรวม 46 ล้านตัน ในราคาเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน เชื่อหลังกลางปีนี้น่าจะทำสัญญาขายล่วงหน้าได้ 80-90%ของกำลังการผลิต ส่งผลให้รายได้ปีนี้เติบโตขึ้น 15-20%จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1 แสนล้านบาทเศษ เมินมองการลงทุนในพม่า เหตุต้องการเน้นพัฒนาเหมืองถ่านหินที่มีอยู่ในมือให้ดีขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)(BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าของปีนี้ไปแล้ว 40% โดยมีราคาเฉลี่ยเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐตันตัน สูงกว่าปีก่อนที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 97เหรียญสหรัฐต่อตัน คาดว่าหลังกลางปีนี้จะทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าไปได้ 80-90%มั่นใจว่าทั้งปีนี้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปีนี้สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินคุณภาพดีทั้งญี่ปุ่นและจีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้บริษัทฯในปี2555 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1 แสนล้านบาทเศษ เนื่องจากปริมาณการผลิตและการขายถ่านหินในปีนี้อยู่ที่ 46 ล้านตันเพิ่มขึ้นขึ้นกว่าปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 44 ล้านตันมาจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในเหมืองอินโดนีเซีย 27 ล้านตัน ออสเตรเลีย 16 ล้านตันและจีน 3 ล้านตัน รวมทั้งราคาขายถ่านหินปีนี้สูงกว่าปีก่อนด้วย
สำหรับกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อน แต่กำไรสุทธิอาจจะต่ำกว่า เนื่องจากในปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายเหมืองต้าหนิงที่จีนเป็นเงิน 6.3 พันล้านบาท โดยบริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะขายเหมืองถ่านหินหรือธุรกิจไฟฟ้าในจีนออกไปอีก ซึ่งปัจจุบันบ้านปูมีเหมืองเกาเหอที่จะผลิตถ่านหินต่อเนื่องสร้างกระแสเงินสดในปีนี้ให้กับบริษัทฯช่วยทดแทนรายได้จากเหมืองต้าหนิงที่ขายออกไปแล้ว
นางสมฤดี กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย โดยไม่ได้รวมโครงการใหม่ที่อาจจะมีการซื้อกิจการเพิ่มมากขึ้น สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทเป็นหลัก
สำหรับการมองลู่ทางการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้หน่วยพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯกำลังพิจารณาอยู่ แต่จะซื้อได้เมื่อใดยังตอบไม่ได้ แต่แผนงานหลักในปีนี้จะมุ่งพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ให้ดีขึ้นทั้งเหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลียให้มีการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย รวมทั้งเหมืองในมองโกเลียที่ขณะนี้ได้ส่งทีมงานเข้าไปแล้วคาดว่าจะเริ่มผลิตถ่านหินเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยจะมีกำลังผลิตถ่านหินประมาณ 3-5 ล้านตัน/ปี ส่วนการมองลู่ทางการลงทุนในสหภาพพม่านั้น บ้านปูยังไม่มีนโยบายในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าพม่าเพิ่งเปิดประเทศ และบริษัทต้องการมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจในมือที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในปีนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาความเหมาะสมในการออกหุ้นกู้วงเงิน 7,000-10,000 ล้านบาท โดยอาจจะจำหน่ายในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ เพื่อทำให้ต้นทุนภาระดอกเบี้ยดีขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระอยู่ 4,000-5,000 ล้านบาท
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)(BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าของปีนี้ไปแล้ว 40% โดยมีราคาเฉลี่ยเกินกว่า 100 เหรียญสหรัฐตันตัน สูงกว่าปีก่อนที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 97เหรียญสหรัฐต่อตัน คาดว่าหลังกลางปีนี้จะทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าไปได้ 80-90%มั่นใจว่าทั้งปีนี้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปีนี้สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินคุณภาพดีทั้งญี่ปุ่นและจีนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้บริษัทฯในปี2555 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1 แสนล้านบาทเศษ เนื่องจากปริมาณการผลิตและการขายถ่านหินในปีนี้อยู่ที่ 46 ล้านตันเพิ่มขึ้นขึ้นกว่าปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 44 ล้านตันมาจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในเหมืองอินโดนีเซีย 27 ล้านตัน ออสเตรเลีย 16 ล้านตันและจีน 3 ล้านตัน รวมทั้งราคาขายถ่านหินปีนี้สูงกว่าปีก่อนด้วย
สำหรับกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีก่อน แต่กำไรสุทธิอาจจะต่ำกว่า เนื่องจากในปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายเหมืองต้าหนิงที่จีนเป็นเงิน 6.3 พันล้านบาท โดยบริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะขายเหมืองถ่านหินหรือธุรกิจไฟฟ้าในจีนออกไปอีก ซึ่งปัจจุบันบ้านปูมีเหมืองเกาเหอที่จะผลิตถ่านหินต่อเนื่องสร้างกระแสเงินสดในปีนี้ให้กับบริษัทฯช่วยทดแทนรายได้จากเหมืองต้าหนิงที่ขายออกไปแล้ว
นางสมฤดี กล่าวต่อไปว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนในออสเตรเลีย อินโดนีเซีย โดยไม่ได้รวมโครงการใหม่ที่อาจจะมีการซื้อกิจการเพิ่มมากขึ้น สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทเป็นหลัก
สำหรับการมองลู่ทางการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้หน่วยพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯกำลังพิจารณาอยู่ แต่จะซื้อได้เมื่อใดยังตอบไม่ได้ แต่แผนงานหลักในปีนี้จะมุ่งพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ให้ดีขึ้นทั้งเหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลียให้มีการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย รวมทั้งเหมืองในมองโกเลียที่ขณะนี้ได้ส่งทีมงานเข้าไปแล้วคาดว่าจะเริ่มผลิตถ่านหินเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยจะมีกำลังผลิตถ่านหินประมาณ 3-5 ล้านตัน/ปี ส่วนการมองลู่ทางการลงทุนในสหภาพพม่านั้น บ้านปูยังไม่มีนโยบายในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นว่าพม่าเพิ่งเปิดประเทศ และบริษัทต้องการมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจในมือที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในปีนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาความเหมาะสมในการออกหุ้นกู้วงเงิน 7,000-10,000 ล้านบาท โดยอาจจะจำหน่ายในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ เพื่อทำให้ต้นทุนภาระดอกเบี้ยดีขึ้น โดยปีนี้บริษัทมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระอยู่ 4,000-5,000 ล้านบาท