xs
xsm
sm
md
lg

คำแนะนำการลงทุนไทยปี 2555*

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บลจ.บัวหลวง

"คำถามที่เข้ามาบ่อยๆ คือ “ประเทศไทย จะเป็นยังไงปีนี้”

คำตอบแรกที่เข้ามาในสมองก็คือ เราจะยังรักษาความเป็นไทยอย่างเหนียวแน่นด้วยการทะเลาะกันไม่หยุดแบบเดิมนั่นแหละ เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของพวกเราไปแล้ว

คำตอบหลังที่นึกถึงเป็นอย่างที่สองจึงไปเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน นั่นก็คือด้านการลงทุน ซึ่งมองว่าไทยจะฟื้นตัวแบบ V Shape ในปีนี้โดยเทียบกับปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วอัตราการเติบโตของ GDP มีฐานต่ำ และจะเติบโตสูงสุดในไตรมาส 4 ปีนี้ด้วยแรงส่งของการใช้งบประมาณฟื้นฟูประเทศจากน้ำท่วม และงบประมาณผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการผลักดันการเติบโตจากภายในประเทศด้วย “ทักษิโนมิคโมเดล” อย่างที่เคยทำสำเร็จในปี 2546

“ทักษิโนมิคส์โมเดลจะดีต่อประเทศไทยหรือ”

ดีหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ในโลกของความเป็นจริง เงินลงทุนไม่เลือกข้าง และไม่มีสี

“บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะมีกำไรดีหรือไม่”

ปีนี้น่าจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่งต่อเนื่องจากปีก่อนแม้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปก็ตาม ซึ่งที่ว่าจะกำไรดีนั้นก็เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐ การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ฯลฯ โดยสิ่งที่เราจะพบเห็นมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คือการรวมกิจการกันเพื่อความแข็งแกร่งและอยู่รอด การรวมกันจะทำให้ผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น

“ประชาคมอาเซียนจะดีต่อประเทศไทย หรือไม่ เพราะเหตุใด และจะเห็นผลเมื่อใด”

ประชาคมอาเซียน ในปีนี้จะค่อยๆ เดินไปสู่ความเป็นรูปธรรมและทวีความสำคัญขึ้น ที่จริงแล้วประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไปยังอาเซียนมากกว่าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีนรวมกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ ดังนั้น เราจึงมีโอกาสจากการค้าในกลุ่มอาเซียนที่จะทวีขึ้นแล้วส่งประโยชน์ให้ประเทศไทยอีกมาก เราน่าจะมีพื้นที่สำคัญในหัวเมืองชายแดนสำหรับเป็นจุดทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีความจำเป็นที่ความเจริญจะกระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ อยู่ที่ไหนก็ได้ หากที่นั่นโดยรวมแล้วจะคุ้มกว่าที่อื่นใด

นโยบายเน้นความสัมพันธ์และการค้าในภูมิภาคอาเซียนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าจีนได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอกกับฟองสบู่ภายใน อาเซียนก็ยังไปไหว อย่างไรก็ตาม มองว่าอุปสรรคในจีนยังอยู่ในช่วงต้นๆ ซึ่งท้าทายความสามารถของรัฐบาลปักกิ่งไม่น้อยว่าจะ **“เอาอยู่” ***ได้หรือไม่

ส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาคมอาเซียนรุ่งเรืองคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้น ในทศวรรษนี้จึงน่าจะมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการก่อสร้างจุดคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านอีกมาก เช่น ทางรถไฟ ถนน ท่าเรือ และ โทรคมนาคม

อาเซียนมีความสำคัญมากขนาดที่สหรัฐอเมริกาต้องหวนกลับมาในภูมิภาคนี้ หลังจากปล่อยให้จีนผงาดมานาน ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ถนนทุกสายวิ่งไปที่พม่า ซึ่งบริษัทไทยหลายแห่งที่มีความชำนาญและช่องทางทำธุรกิจกับพม่าอยู่แล้ว จะเป็นหัวจักรการลงทุนในพม่าอีกด้วย

ส่วนไทยจะได้ประโยชน์จากประชาคมอาเซียนในอนาคตได้ขนาดไหน มันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายและกลยุทธ์ของรัฐที่จะช่วยกันผลักดัน แต่เท่าที่ดูความพร้อมของบริษัทเอกชนทั่วๆ ไป ยกเว้นบริษัทใหญ่มากๆ แล้ว น่าจะยังไม่พร้อมเอาเสียเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำ แล้วคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี

“อัตราดอกเบี้ยปีนี้จะเป็นอย่างไร”

ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อมันทุเลาไปมากแล้ว โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศจะเป็น "ขาลง" ต่อไปสักพักก็เลยมี อย่างน้อยก็ในครึ่งแรกของปี เพราะเขาคงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย 

“ปีนี้หุ้นกับทองคำ จะผันผวนเท่าปีก่อนหรือไม่”

สินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท จะคงความผันผวนสูง เพราะเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้อีกจนกว่าปัญหายุโรปจะคลี่คลาย หากไม่ใช่เงินยาวๆ แล้วอย่าไปยุ่งกับความเสี่ยง ถ้าลงทุนได้แค่ 6 เดือน 8 เดือน ก็ต้องอยู่กับอะไรที่ปลอดภัยกว่า เพราะความเสี่ยงไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการง่ายๆ ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการประเมินความเสี่ยงเป็นเรื่องๆ แล้วเตรียมแผนรับมือล่วงหน้าว่าหากเกิดแล้วเราจะทำอะไรกับพอร์ตลงทุนหรือไม่ ไม่ว่าจะเรื่องไฟไหม้ น้ำท่วม ยูโรแตก สงครามยิว-อาหรับ อิหร่าน-สหรัฐ หรือฆ่ากันตายในประเทศ-นอกประเทศ เพราะการประเมินไว้ก่อน เวลามีอะไรเกิดขึ้นแล้วเราจะรู้ว่าควรทำหรือไม่ทำอะไร ทำให้มีสติเสมอ และไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ

“จะแนะนำให้ผู้ลงทุนทำอย่างไรกับความเสี่ยง”

ต้องไม่ลืมกฏที่ว่าความเสี่ยงมันมีทุกวันเราไม่รู้หรอกว่า “ตลาด” จะเป็นอย่างไร แต่เรารู้อยู่แล้วว่าการลงทุนระยะยาวมันต้องผ่านวงจรที่มีทั้งขาขึ้นและขาลง การสนองตอบแบบดีสุดขั้วเช่นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเพราะเห็นตลาดกำลังดีโดยลืมไปว่าน้ำหนักที่เราต้องการตอนทำแผนการลงทุนอยู่ที่ 60% หรือมั่วสุดขีดเวลาตลาดตก เช่นเกิดสติแตกจนขายหุ้นออกจนหมดพอร์ต ทั้งที่เราต้องการหุ้นในพอร์ต 60% เพื่อให้ถึงเป้าหมายการลงทุนเพื่อเกษียณในอีก 15 ปีข้างหน้า การกระทำแบบไร้สติอย่างนี้มันทำร้ายพอร์ตลงทุนของเราได้

อย่างไรก็ตาม ขอให้จำไว้ว่า“กุญแจของความสำเร็จในการลงทุนอยู่ที่การจัดสรรเงินลงทุนของเราไปในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ทำให้เราหัวถึงหมอนนอนหลับสบายเพราะเรามั่นใจว่าสัดส่วนการลงทุนแบบนั้นจะนำพาเราผ่านพ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจหรืออะไรอื่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้แม้ว่าจะพบมรสุมอยู่เนืองๆ ซึ่งการยึดมั่นในสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา บวกกับการลงทุนอย่างสม่ำเสมอนั้น จะทำให้เรายิ้มได้เมื่อตลาดขึ้นในรอบต่อไป”
กำลังโหลดความคิดเห็น