เอเอฟพี - บริษัทผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนก้าวผงาดครองตลาดอุตสาหกรรมประเภทนี้ หลังจากบริษัทคู่แข่งต่างชาติล้มละลายกันเป็นแถว แต่ผู้นำตลาดหน้าใหม่ก็กำลังประสบปัญหาราคาแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ถูกลงอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นชาติผู้ใช้น้ำมันมากที่สุดอันดับ 2 ในโลก และใช้พลังงานจากถ่านหิน ที่เป็นตัวการก่อมลพิษในอากาศมากถึงร้อยละ 90 ของการใช้พลังงานทั้งหมดในประเทศ กำลังก้าวรุดหน้าในการพัฒนาพลังงานสะอาด นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทของจีนครองส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 70 ในตลาดแผงพลังงานแสงอาทิตย์ในโลก ซึ่งกำลังขยายตัว เนื่องจากอาศัยกลยุทธ์การจำหน่ายในราคาถูก ตัดหน้าคู่แข่ง และการล้มละลายของบริษัทคู่แข่งจากสหรัฐฯ 3 รายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
นายถัง เสียวตง นักวิเคราะห์ของ CEBM บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนในนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ที่มั่นในตลาดของบริษัทจีนขยายตัวในปีนี้อย่างแน่นอน
แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทจีนผลิต มีราคาถูกลงมาอยู่ที่ราว 1.2 ดอลลาร์ต่อกำลังการผลิตไฟฟ้า 1 วัตต์ จาก 1.7 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้วและยังถูกอย่างมากจากราคาเฉลี่ยในตลาดโลก ที่ประมาณ 2.0 ดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่าย ที่ถูกลงทุกทีกำลังส่งผลเสียต่อรายได้ในภาคอุตสาหกรรมนี้ ขณะที่บริษัทจีนเองก็รู้สึกถึงผลกระทบ
ขณะเดียวกัน มีเสียงวิจารณ์จากอุตสาหกรรมและกลุ่มการค้า ในสรัฐฯ ว่า การได้เงินทุนในราคาถูกจากธนาคารของรัฐ ทำให้บริษัทจีนได้เปรียบบริษัทคู่แข่งต่างชาติอย่างไม่เป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม บริษัทของสหรัฐฯ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเช่นกัน อาทิ บริษัทโซลินดรา (Solyndra) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายล่าสุดของสหรัฐฯ ที่เพิ่งยื่นขอล้มละลาย ถัดจากบริษัทเอเวอร์กรีน โซลาร์ (Evergreen Solar) และ สเป็กตร้าวัตต์ (SpectraWatt) โดยบริษัทรายนี้ได้รับการค้ำประกันเงินกู้จำนวน 535 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า
ก่อนหน้าการล้มละลายของบริษัททั้งสามรายนั้น บริษัทซันเทค (Suntech) ของจีนผงาดขึ้นเป็นบริษัทผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ก่อนแล้ว
ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนมุ่งเน้นการส่งออกเกือบจะทั้งหมด โดยร้อยละ 90 ของการผลิตจำหน่ายในต่างประเทศ และเพิ่มการขนส่ง เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องราคา ที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า วันเวลาสำหรับการส่งออกแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทจีนกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากความต้องการใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นบนแดนมังกรด้วยการออกมาตรการใหม่ของรัฐบาลจีนได้แก่มาตรการ feed-in tariff ซึ่งเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้า ที่รัฐบาลรับประกันจะจ่ายให้แก่บริษัท ที่ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ขายในประเทศ เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้บนแดนมังกร