“กลุ่มพรีเมียร์” เครื่องร้อน กำงบก้อนโต 1,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจใน 2 ปีนี้ แย้มแผนควบกิจการ รุกหนักธุรกิจพลังงานสะอาด ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ใน 2 ปีหน้า เล็งผนึกพันธมิตรต่างชาติร่วมทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท รับธุรกิจพลังงานสะอาดโตยั่งยืน
นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการลงทุนและการขยายธุรกิจใหม่ๆ ภายในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ด้วยงบประมาณที่เตรียมไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มพรีเมียร์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มี 4 ธุรกิจหลักประกอบด้วย บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านอุปโภคบริโภค 2.บริษัท พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ ลิซซิ่ง รถเช่า, 3.บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้งสามบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว และบริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยผลประกอบการรวมของบริษัทในธุรกิจหลักในตลาดฯปีที่แล้วมีประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท
แผนงานเบื้องต้น ตั้งงบลงทุนไว้กว่า 200-300 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆทางด้านนวัตกรรม รวมถึงการเข้าควบรวมกิจการหรือเอ็มแอนด์เอ กับธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกับพรีเมียร์
นอกจากนั้น จะขยายธุรกิจทางด้านพลังงาน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจสิ่งแวดล้อมที่ทำอยู่แล้ว โดยจะใช้บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ เป็นหัวหอกในการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจเพื่อการเสริมสร้างและพัฒนาสิ่งแวดล้อม กับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม จากการที่ลงทุนไปแล้ว 60 ล้านบาท เมื่อต้นปีนี้หรือสัดส่วนลงทุน 25% ของโครงการซึ่งได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรประเทศไต้หวัน ทำโครงการนี้มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 5 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม แผนงานจากนี้จะใช้งบลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้งบลงทุนของส่วนทุนราว 50% แบ่งเป็นเงินกู้สัดส่วน 666 ล้านบาท และเงินลงทุน 333 ล้านบาท เตรียมจะขยายกำลังผลิตอีก 10 เมกะวัตต์ ในปีหน้า ที่สระบุรี
อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาพลังงานต่างๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไบโอก๊าซ ไบโอแมส เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯพิจารณาเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาดในอนาคตจึงสนใจลงทุน อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมคือ สิ่งแวดล้อมที่ทำมานานกว่า 35 ปีแล้ว
นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินธุรกิจทางด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเตรียมแผนนำบริษัทพรีเมียร์โพรดักส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอีก 2 ปีจากนี้ เนื่องจากมีแผนต้องใช้เงินลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในระยะยาว เพื่อขยายกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เป็น 50 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา และสระบุรี ซึ่งจะร่วมกับพันธมิตรลงทุนรายใหม่ที่สนใจ จากปัจจุบันมีผู้ผลิตหลักในประเทศต่างๆ อาทิ ยุโรป, สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และ ใต้หวัน เป็นต้น
นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนการลงทุนและการขยายธุรกิจใหม่ๆ ภายในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ด้วยงบประมาณที่เตรียมไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มพรีเมียร์มากขึ้น จากปัจจุบันที่มี 4 ธุรกิจหลักประกอบด้วย บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านอุปโภคบริโภค 2.บริษัท พรีเมียร์ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ ลิซซิ่ง รถเช่า, 3.บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้งสามบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว และบริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ จำกัด ธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยผลประกอบการรวมของบริษัทในธุรกิจหลักในตลาดฯปีที่แล้วมีประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท
แผนงานเบื้องต้น ตั้งงบลงทุนไว้กว่า 200-300 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆทางด้านนวัตกรรม รวมถึงการเข้าควบรวมกิจการหรือเอ็มแอนด์เอ กับธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกับพรีเมียร์
นอกจากนั้น จะขยายธุรกิจทางด้านพลังงาน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจสิ่งแวดล้อมที่ทำอยู่แล้ว โดยจะใช้บริษัท พรีเมียร์ โพรดักส์ เป็นหัวหอกในการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจเพื่อการเสริมสร้างและพัฒนาสิ่งแวดล้อม กับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม จากการที่ลงทุนไปแล้ว 60 ล้านบาท เมื่อต้นปีนี้หรือสัดส่วนลงทุน 25% ของโครงการซึ่งได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรประเทศไต้หวัน ทำโครงการนี้มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 5 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม แผนงานจากนี้จะใช้งบลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้งบลงทุนของส่วนทุนราว 50% แบ่งเป็นเงินกู้สัดส่วน 666 ล้านบาท และเงินลงทุน 333 ล้านบาท เตรียมจะขยายกำลังผลิตอีก 10 เมกะวัตต์ ในปีหน้า ที่สระบุรี
อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษาพลังงานต่างๆ เช่น พลังงานลม พลังงานไบโอก๊าซ ไบโอแมส เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯพิจารณาเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจพลังงานสะอาดในอนาคตจึงสนใจลงทุน อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมคือ สิ่งแวดล้อมที่ทำมานานกว่า 35 ปีแล้ว
นายวิเชียร กล่าวด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินธุรกิจทางด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเตรียมแผนนำบริษัทพรีเมียร์โพรดักส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอีก 2 ปีจากนี้ เนื่องจากมีแผนต้องใช้เงินลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในระยะยาว เพื่อขยายกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เป็น 50 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา และสระบุรี ซึ่งจะร่วมกับพันธมิตรลงทุนรายใหม่ที่สนใจ จากปัจจุบันมีผู้ผลิตหลักในประเทศต่างๆ อาทิ ยุโรป, สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และ ใต้หวัน เป็นต้น