xs
xsm
sm
md
lg

แฉรมต.ปู2ติดแบล็กลิสต์!"ศักดา"รับพบแม้วตบหน้า"ยิ่งลักษณ์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์" อ้างจัด ครม. เองเพื่อให้ลงตัว "ทักษิณ"ไม่เกี่ยว เจอ"ศักดา"ฉีกหน้าทันควัน บอกไปหา"แม้ว" ที่ฮ่องกง ถึงได้เป็นรมช.ศึกษาฯ แถมกำชับนโยบายมาเสร็จสรรพ "มาร์ค" แปลกใจ"ยุทธศักดิ์" ถูกปรับออกจากรมว.กลาโหม จี้ "ปู"แจงเหตุผล จับตาแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ห่วงกระทรวงพลังงานมีผลประโยชน์ทับซ้อน "นลินี" ติดแบล็กลิสต์อเมริกา เพราะไปสุมหัวกับจอมเผด็จการ"มูกาเบ" ยังได้นั่งรัฐมนตรี "ตุ๊ดตู่" กินแห้ว บอกรมต.แค่หัวโขน

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในช่วงเช้าวานนี้ (18 ม.ค.) ก่อนที่จะมีการโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การปรับครม.ครั้งนี้ ว่าเป็นเพียงความลงตัวภายในพรรคมากกว่า รอให้รายชื่อออกมาเป็นทางการก่อนจะดีกว่า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จะชี้แจงทุกอย่างให้ทราบ ยืนยันว่าหลักการปรับครม. คือ อยากให้เกิดความคล่องตัว และเพื่อความลงตัว

เมื่อถามว่า จำนวนที่ปรับมีถึง 16 ที่นั่ง อย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ที่จำนวน ว่ามากหรือน้อยแค่ไหน อยู่ที่ว่าเราปรับออกมาแล้วทำงานได้มากกว่า ซึ่งรัฐบาลทำงานมาพอสมควร ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความกระชับและลงตัว

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลเพิ่งทำงานมาได้เพียง 4-5 เดือน ทำไมถึงต้องมีการปรับใหญ่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้รอดูชื่อออกมาอย่างเป็นทางการก่อน

เมื่อถามว่า หากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะมาดำรงตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์นั้น มีความรู้ความสามารถทางการเกษตรตรงไหน นายกฯ กล่าวว่า รอให้ผลออกมาอย่างเป็นทางการก่อน

ต่อข้อถามที่ว่า มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังการปรับครม.ครั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ยืนยันว่าไม่มีจริงๆ เมื่อถามต่อว่าคนที่ได้ตำแหน่งส่วนใหญ่เป็นคนที่เดินทางไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่จริงค่ะ

**"ศักดา"รับคลานไปหา"แม้ว"จริง

นายศักดา คงเพชร ว่าที่รมช.ศึกษาธิการ กล่าวยอมรับว่า ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงจริง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ฝากถึงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และฝากบอกพรรคพวกให้เน้นการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในภาพรวม

นายศักดายอมรับว่า รู้ล่วงหน้าแล้วว่า จะได้มานั่งรมช.ศึกษาธิการ จึงได้มีการวางแผนการทำงานไว้แล้วว่าจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องใด และจุดใดบ้าง

** "มาร์ค"ข้องใจ"ยุทธศักดิ์"ถูกปรับออก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การปรับครม. ที่มีการเปลี่ยนรมว.กลาโหม จาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ว่า รู้สึกแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาการทำงานของพล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ประสานได้กับทุกฝ่าย ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับนโยบายปรองดองของรัฐบาล แต่กลายเป็นว่าถูกปรับออก จึงต้องดูว่าที่มีการปรับเปลี่ยนจะเป็นอย่างไร เพราะคำอธิบายของนายกฯ มีเพียงแค่ว่าเป็นความลงตัว ซึ่งต้องถามว่าลงตัวเรื่องอะไร กลายเป็นเรื่องความลงตัวในแง่การเมืองภายในของพรรค และกลุ่มตัวเองหรือไม่ เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการมากกว่า คือความลงตัวในเรื่องของงาน ว่านโยบายที่สมควรจะต้องผลักดันให้เกิดผล จะต้องเดินหน้ามากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ประชาชน และนโยบายที่ขัดชัดเจนกับคำมั่นสัญญาของรัฐบาลนี้ ที่ให้ไว้กับประชาชน เช่น เรื่องค่าครองชีพ และพลังงาน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนตัวรมว.กลาโหม ที่สามารถเชื่อมประสานกับกองทัพได้ มาเป็นพล.อ.อ.สุกำพล จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาล และกองทัพ มากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กองทัพเป็นเครื่องมือ และเป็นส่วนหนึ่งของราชการ ซึ่งต้องสนองนโยบายของราชการ และต้องทำงานกับฝ่ายการเมืองได้ แต่ถ้ามีนโยบายให้กองทัพดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่เพียงแค่กองทัพ หน่วยราชการอื่นก็สนองนโยบายรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้ เพราะในที่สุดต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบรายละเอียด นอกจากนายกฯ ถึงเหตุผลในการเปลี่ยนตัวบุคคล

**จับตา"อารักษ์"ทำเพื่อ"แม้ว"
 

"ไม่รู้สึกแปลกใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามามีบทบาทในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ในการปรับครม.ครั้งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ งาน และนโยบาย จะเดินไปในทิศทางไหน จะมีผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร ซึ่งการให้ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่คณะผู้บริหารบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) มาเป็น รมว.พลังงาน เป็นเรื่องที่ทางพรรคจับตาอยู่แล้ว เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ แสดงเจตนาชัดเจนในการทำธุรกิจพลังงานในประเทศเพื่อนบ้าน และกระทรวงพลังงาน มีบทบาทในการเข้าไปเจรจาด้วย รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ จึงต้องดูว่ามีประโยชน์มาทับซ้อนหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว

** จับตาแก้พ.ร.บ.กลาโหม
 

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปรับครม.ครั้งนี้ ชี้ชัดถึงความต้องการของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะกระชับอำนาจ เพื่อให้การเมืองเดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ เพราะที่ผ่านมาได้เข้าไปแทรกแซงควบคุมได้เกือบทุกส่วน เหลือเพียงกองทัพ ที่ระบอบทักษิณยังไม่สามารถเข้าไปล้วงลูกได้

"การเอา พล.อ.อ.สุกำพล ซึ่งเป็นนายทหารแนวฮาร์ดคอร์ ไปแทน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่มีบุคลิกประนีประนอมสูงนั้น เป็นเพราะที่ผ่านมามีผลงานไม่เป็นที่ถูกใจนายใหญ่เท่าที่ควร จึงต้องเอา พล.อ.อ.สุกำพลไปนั่งแทน ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ต้องการแตกหักกับกองทัพ และส่งสัญญาณให้ ส.ส.เพื่อไทยนำเอา พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม ปี พ.ศ.2551 เข้าสู่ กมธ.กฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ เพื่อพิจารณาสะสางแก้ไขเปิดโอกาสให้ฝ่ายการเมืองล้วงลูก แต่งตั้งนายทหารได้"

ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปรับครม.ครั้งนี้นั้น เป็นการพูดจากลบเกลื่อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะแม้ว่าจะปฏิเสธเพื่อสร้างความชอบธรรมว่าตัวเองมีสถานะเป็นนายกฯ และเป็นผู้ปรับ ครม.เพียงคนเดียว แต่สังคมก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมา มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้บงการครม.ทั้งสิ้น และยังมีหลักฐานปรากฏชัดว่า มี ส.ส.เพื่อไทยเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบ และฮ่องกง และหลายคนที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี บางคนก็ออกมายอมรับอย่างความภาคภูมิใจว่า ได้เดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ จริง และมีการกำชับ มอบนโยบายให้ด้วย

** กองทัพทำงานกับ"สุกำพล"ได้
 

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) กล่าวถึงการเปลี่ยนตัว รมว.กลาโหมว่า ทหารเป็นหน่วยที่มีระเบียบวินัยเป็นหลัก ดังนั้นต้องงว่าไปตามกฎ กติกา ถ้าทำตามกฎกติกาและทำไปตามหนังสือ ก็ไม่มีอะไรยาก คนที่ซิกแซ็กเท่านั้นถึงจะมีปัญหา

เมื่อถามว่าคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง จะต้องประสานงานต่อในเรื่องความปรองดองได้หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า คำถามที่ว่า ปรองดอง ตนอยากถามว่า ตอนนี้ใครทะเลาะกับใคร ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า พล.อ.สุกำพล ที่มีปัญหากับกองทัพอากาศ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เห็นมี เพราะตอนที่ พล.อ.อ.สุกำพล ทำงานอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ( ศปภ.) ทางกองทัพได้ทำงานร่วมกัน ท่านเป็นคนที่ทำงานมีประสิทธิภาพ และมีการตัดสินใจที่เหมาะสม ส่วนเรื่องที่เหนือกว่านี้คงตอบไม่ได้

**พ.ร.บ.กลาโหม ดีอยู่แล้ว
 

เมื่อถามว่า หากพล.อ.อ.สุกำพล จะแก้ พ.ร.บ.กลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องยังไม่เกิด แต่ยืนยันว่า ทุกคนอยากทำให้ประเทศชาติมีแต่สิ่งที่ดี ทุกข้อที่มีการเสนอกันมามันก็เป็นข้อเสนอที่ดี เพียงแต่จะต้องมีการหารือ และกลั่นออกมาให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

"ที่มองว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ไม่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล แต่ตอบสนองนโยบายของกองทัพมากกว่านั้น ผมไม่ทราบ แต่ใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม เราต้องปฏิบัติตามกฎ กติกา ไม่ว่าวันใด ทหารก็ยังเป็นทหารของประชาชนเสมอ และจะอยู่กับประชาชน ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รักษาอธิปไตย และถวายความปลอดภัย แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และราชวงศ์ ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด" ผบ.สส. กล่าว

ด้านพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. กล่าวว่า ใครมาเป็น รมว.กลาโหม กองทัพอากาศก็ไม่มีปัญหา ส่วนความสัมพันธ์ตนเองกับ พล.อ.อ.สุกำพล ก็ดี ไม่มี ปัญหา

ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา กล่าวว่า "ผมไม่รู้ว่ามาก่อนว่าจะมีการปรับครม. นายกฯมาบอกผมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมาว่าจะให้ผมมาช่วยดูแลงานด้านความมั่นคง และจะได้นั่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ถือว่านายกฯ ให้ความไว้วางใจ ให้เกียรติผม ดังนั้นผมก็จะตั้งใจทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าทำไม่ได้ ก็ลาออก

**"นลินี" ติดแบล็กลิสต์อเมริกา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับครม.ครั้งนี้ มีชื่อของนางนลินี ทวีสิน อดีตผู้แทนการค้าไทย จะมาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แต่จากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า เว็บไซต์ของสื่อต่างชาติ "Mail & Guadian online" http://mg.co.za/article/2008-11-26-us-treasury-blacklists-four-mugabe-cronies ได้รายงานเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2008 ว่า นางนลินี มีชื่อเป็น 1 ใน 4 ของผู้ที่สหรัฐอเมริกา ออกแบล็กลิสต์ จากการเป็นพันธมิตร และการให้ความช่วยเหลือ ประธานาธิบดี มูกาเบ แห่ง ประเทศซิมบับเว

โดยนางนลินี ถูกระบุว่า "มีส่วนร่วมในข้อตกลงทางธุรกิจให้ประธานาธิบดี มูกาเบ และภรรยา" โดยแบล็กลิสต์ ดังกล่าว ระบุให้สินทรัพย์ที่เป็นของสหรัฐฯ ที่ทั้งสี่ได้ครอบครองอยู่ จะต้องถูกยึดและพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ถูกแบนจากการทำธุรกิจกับทั้งสี่คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีก 3 คน ที่ถูกแบล็กลิสต์พร้อมนางนลินี ประกอบด้วย John Bredenkamp ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายอาวุธ และการสกัดเพชร Muller Conrad "Billy" Rautenbach ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการเหมืองแร่ที่สนับสนุนรัฐบาล และ Mahmood Awang Kechik เป็นหนึ่งในแพทย์ ที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ และค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มิชอบ

**เลขาฯครม.ปัดไม่รู้เรื่อง"แบล็กลิสต์"

นายอำพน กิติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อน แต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ก็ไม่เห็นว่าขัดต่อข้อกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย จึงเรียกให้มากรอกข้อมูล เพื่อยื่นทูลเกล้าฯ
อย่างไรก็ตาม เราคงจะต้องดูว่า การติดแบล็กลิสต์นี้ก่อให้เกิดปัญหาที่จะนำไปสู่การผิดหลักข้อกฏหมายไทยหรือไม่ หรือถ้าไม่ผิด อย่างดีก็จะเป็นเพียงการห้ามเข้าประเทศซิมบับเว เท่านั้น แต่หากผิดตามหลักกฎหมายไทย คงต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ อย่าเพิ่งด่วนสรุป จะดีกว่า

**"นลินี"นั่งเก้าอี้รมต.ไม่ขัดกม.

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในวันนี้นางนลินี ยังไม่หลุดจากแบล็กลิสต์ของสหรัฐฯ ทั้งนี้หากนายกฯ จะตั้งให้มาเป็นรัฐมนตรี คงไม่ขัดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสม เพราะพรรคเพื่อไทย พูดมาตลอดว่าเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย แต่กับเอาบุคคลที่สนับสนุนเผด็จการ อย่างประธานาธิบดี ซิมบับเว มาเป็นรัฐมนตรี ถือว่ามันตรงข้ามกับจุดยืนของคนเสื้อแดง

** “วรวัจน์”ไม่ตกใจแค่ย้ายที่นั่ง
 

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงการถูกปรับให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เคยมีการพูดคุยกับนายกฯ แต่แรกว่าต้องการให้ตนช่วยดูแลเรื่องงบประมาณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนถนัด แต่ในช่วงแรกก็ให้มาทำหน้าที่ดูแลกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก่อน ซึ่งที่ผ่านมาก็ปฏิบัติงานตามนโยบายของพรรค และขณะนี้นายกฯ เห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้ว จึงให้ไปดูแลงบประมาณซึ่งเป็นหัวใจของประเทศ เพราะต้องเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลาง และภูมิภาค ที่ตอนนี้ยังมีช่องว่างอีกมาก สำหรับงานในส่วนของ ศธ.นั้นตนเชื่อว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ซึ่งจะมารับหน้าที่ รมว.ศธ. คนใหม่นั้นจะสามารถสานต่องานได้ดี เพราะตนกับ ศ.ดร.สุชาติ เป็นทีมงานเดียวกันในการทำทีมเศรษฐกิจมาตลอด จึงน่าจะเข้าใจทิศทางการทำงานและงานที่เป็นนโยบายพรรคก็ย่อมมีการสานต่อเช่นกัน และเชื่อว่า ศ.ดร.สุชาติ สามารถกำกับและดูแลงานได้ด้วยดี ทั้งนี้ ตนไม่ได้ตกใจอะไร ที่ถูกปรับไป เพราะเป็นเรื่องที่ตนรับปากนายกฯไว้เอง ประเทศต่าง ๆ ดังนั้น ใครจะมาก็ต้องเดินไปในกรอบนี้อยู่แล้ว" นายวรวัจน์ กล่าว

** "ตุ๊ดตู่"กัดฟันพูดรมต.แค่หัวโขน
 

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช.กล่าวถึง กรณีที่ไม่มีชื่ออยู่ใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 2 ว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ เพราะการแต่งตั้งรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกฯ ตนและส.ส.ไม่สามารถร้องขอได้ ซึ่งรายชื่อครม.ก็เป็นไปตามข่าวที่ออกมา ในขณะนี้ก็ต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน ส่วนตัวแล้วก็ยินดีกับบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้ง และก็แสดงความเสียใจกับผู้ที่ถูกปรับออก

นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพรรคเพื่อไทย ส่วนบทบาทที่เป็นแกนนำกลุ่ม นปช.นั้น ก็ยังจะเดินหน้าต่อไป การที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีตำแหน่งใน ครม.นั้น ตนก็ยังจะร่วมงานกับนายณัฐวุฒิ ต่อไป เพราะเห็นว่าตำแหน่งเป็นเพียงแค่หัวโขนเท่านั้น

** "รองโรมานอฟ"ยอมรับมีจุดอ่อน
 

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาฯ กล่าวถึง ข่าวที่ระบุว่าได้เข้าไปกดดันผู้มีอำนาจตัดสินใจปรับ ครม. จนทำให้พลาดจากเก้าอี้รัฐมนตรีในครั้งนี้ ว่า ไม่จริง และตนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพบใคร หรือขอตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม การที่ตนไม่ได้ตำแหน่งในครั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะว่า ตนยังมีจุดอ่อน และยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งใดๆ ซึ่งที่ผ่านมา ตนก็ไม่เคยเข้าไปร้องขอ หรือแจ้งความประสงค์ว่าอยากเป็น

ส่วนที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯนั้น นายกฯ คงพิจารณาว่า นายณัฐวุฒิ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนประวัติการศึกษา แม้จะไม่ได้จบ หรือเรียนทางด้านเกษตรมานั้น ไม่วิจารณ์ ไปสอบถามนายณัฐวุฒิเอง แต่เชื่อว่านายณัฐวุฒิ จะทำงานได้

**"ธิดาแดง"หวังแกนนำนั่งรมต.ทั้งแก๊ง

นางธิดา ฐาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. กล่าวถึงการปรับครม.ที่มีตัวแทนคนเสื้อแดง ได้เป็นรัฐมนตรี ว่า รัฐมนตรีที่มาจากกลุ่มคนเสื้อแดง ยิ่งมีมากยิ่งดี จะได้เข้าไปในฝ่ายบริหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนและต่อสู้ ไม่ได้ไปแบ่งเค้กกัน ตอนนี้มีประชาชนทุกข์ยากอยู่มาก คนเสื้อแดงจึงต้องเข้ามาร่วมในฝ่ายบริหาร เพื่อร่วมมือกันในการช่วยเหลือ ให้แกนนำไปเป็นรัฐมนตรีให้หมด พวกที่เหลือจะได้ขึ้นมาเป็นแกนนำ
กำลังโหลดความคิดเห็น