00 ต้องบอกว่าชัดยิ่งกว่าชัดสำหรับการปรับครม. “ปู2” คราวนี้ เมื่อได้เห็นรายชื่อบรรดา รมต.ในกระทรวงหลักที่มีผลต่อการขับเคลื่อน ทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่นคง เป็นการเลือกเฟ้นเอาเฉพาะคนรู้ใจ-คนรับใช้ที่ซื่อสัตย์เท่านั้น ใครที่ไม่ชัวร์ก็ต้องโละออกไปก่อน ทางเศรษฐกิจนาทีนี้ต้องให้ความสำคัญที่กระทรวงพลังงานมากที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับธุรกิจอันมหาศาล ตามข่าวบอกว่าดึงเอาอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานที่ปรึกษาบริษัทไทยคมฯมาแทน พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ต้องลุกออกไปหลังจากทำงานชิ้นสำคัญให้เสร็จแล้วนั่นคือ การปรับโครงสร้างพลังงานใหม่ โดยการขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซทุกประเภทไปแล้ว การเปลี่ยนตัวจึงเป็นการลดกระแส
00 ขณะเดียวกันการได้คนใหม่เข้ามาก็ถือว่าเป็นการ “กระชับ” ความไว้วางใจเข้ามาอีก เพราะถือว่าไม่ต่างกับ “เด็กรับใช้” ในบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะเคยรับใช้กันมานานตั้งแต่เป็นเจ้าของตามกม.ในบริษัทไทยคมฯก่อนหน้านี้ แม้ว่าปัจจุบันจะเปลี่ยนไปแต่ทางพฤตินัยก็ต้องถือว่ายังเชื่อมโยงถึงกันไม่เปลี่ยนแปลง ถามว่าธุรกิจอะไรที่ “แม้ว” ฝันอยากทำมากที่สุดก็ต้องบอกว่า “น้ำมัน-ก๊าซ” เพราะมัน “รวยมหาศาล” เป็นธุรกิจข้ามชาติ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องไฟเขียวให้ ปตท.ขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซแบบบ้าเลือด ผิดวิสัยแนวทาง “ประชานิยม” ทำให้สงสัยว่า ปตท.-แม้ว นี่มันเกี่ยวข้องกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
00 หันมาทางคลังที่เปลี่ยนเอา กิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาแทน ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ต้องกระเด็นออกไปอย่างเจ็บปวด สาเหตุก็เพราะ “ไม่ได้ดั่งใจ” ไม่ยอมทำตามคำสั่งทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการนำเงิน “ทุนสำรอง” ออกมาลงทุนหากำไร ทำให้แผนที่วางเอาไว้สำหรับการ “ลงทุนในต่างประเทศ” ต้องล่าช้า ทำให้ “บางคน” ต้องเสียโอกาส มันก็ต้องลงเอยแบบนี้แล พี่น้อง
00 มาที่คมนาคมบ้าง แม้จะเปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่ ข่าวว่า เป็น “จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ” ก็สั่งได้ซ้ายหันขวาหันไม่มีปัญหาจึงต้องมาคุม “งบก้อนใหญ่” ส่วน “สหายตท.10” คนเก่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ลุกไปนั่ง รมว.กลาโหม ไปบี้กับ ผบ.เหล่าทัพ ไล่ไปตั้งแต่ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ผบ.ทอ.พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ซึ่งรายหลังนี่น่าจะร้อนฉ่าแน่ เพราะมีเรื่องคาใจกันมานาน
00 ส่วนตำแหน่งอื่นๆที่เป็นยิบย่อยก็ต่างตอบแทน กระจายกันไปให้ถ้วนทั่ว โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่ “จิ้มเอา” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นมาเป็น รมช.เกษตรฯ เป็นการแสดงให้เห็นว่ายังจำเป็นต้องใช้งานสำหรับภารกิจใหญ่หลายอย่างที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นถ้าบอกว่าการปรับครม. “ปู2” เที่ยวนี้เป็นการกระชับฐานะทางธุรกิจของ ทักษิณ ที่เข้า “ล้วงโดยตรง” ทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง นั่นคือคุมคลัง-กลาโหม-พลังงาน แล้วจะไม่ให้ฟันธงได้ไงว่าต่อไปใครจะ “รวยที่สุดในโลก” !!
00 เที่ยวนี้ถ้ามองในมุมเห็นใจก็ต้องเห็นใจคนอย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ แม้ปากจะบอกว่าขอแสดงความยินดีและไม่น้อยใจ แต่ในใจคิดอย่างไรไม่มีใครรู้กับการที่เลือก ณัฐวุฒิ มานั่งเก้าอี้รมต. ทั้งที่เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ก็ปาดหน้าแซงไปก่อน ส่วนอีกคนก็เห็นจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แอบลุ้นอยู่ในใจว่าอาจได้รางวัลช่วงตรุษจีนได้ขยับไปคุมกระทรวงหลักกับเขาบ้าง เช่น มหาดไทย แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ เฮ้อ กลุ้มวุ๊ย !!
00 ขณะเดียวกันการได้คนใหม่เข้ามาก็ถือว่าเป็นการ “กระชับ” ความไว้วางใจเข้ามาอีก เพราะถือว่าไม่ต่างกับ “เด็กรับใช้” ในบ้านของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะเคยรับใช้กันมานานตั้งแต่เป็นเจ้าของตามกม.ในบริษัทไทยคมฯก่อนหน้านี้ แม้ว่าปัจจุบันจะเปลี่ยนไปแต่ทางพฤตินัยก็ต้องถือว่ายังเชื่อมโยงถึงกันไม่เปลี่ยนแปลง ถามว่าธุรกิจอะไรที่ “แม้ว” ฝันอยากทำมากที่สุดก็ต้องบอกว่า “น้ำมัน-ก๊าซ” เพราะมัน “รวยมหาศาล” เป็นธุรกิจข้ามชาติ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องไฟเขียวให้ ปตท.ขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซแบบบ้าเลือด ผิดวิสัยแนวทาง “ประชานิยม” ทำให้สงสัยว่า ปตท.-แม้ว นี่มันเกี่ยวข้องกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
00 หันมาทางคลังที่เปลี่ยนเอา กิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาแทน ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ต้องกระเด็นออกไปอย่างเจ็บปวด สาเหตุก็เพราะ “ไม่ได้ดั่งใจ” ไม่ยอมทำตามคำสั่งทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการนำเงิน “ทุนสำรอง” ออกมาลงทุนหากำไร ทำให้แผนที่วางเอาไว้สำหรับการ “ลงทุนในต่างประเทศ” ต้องล่าช้า ทำให้ “บางคน” ต้องเสียโอกาส มันก็ต้องลงเอยแบบนี้แล พี่น้อง
00 มาที่คมนาคมบ้าง แม้จะเปลี่ยนตัวเป็นคนใหม่ ข่าวว่า เป็น “จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ” ก็สั่งได้ซ้ายหันขวาหันไม่มีปัญหาจึงต้องมาคุม “งบก้อนใหญ่” ส่วน “สหายตท.10” คนเก่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ลุกไปนั่ง รมว.กลาโหม ไปบี้กับ ผบ.เหล่าทัพ ไล่ไปตั้งแต่ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ผบ.ทอ.พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ซึ่งรายหลังนี่น่าจะร้อนฉ่าแน่ เพราะมีเรื่องคาใจกันมานาน
00 ส่วนตำแหน่งอื่นๆที่เป็นยิบย่อยก็ต่างตอบแทน กระจายกันไปให้ถ้วนทั่ว โดยเฉพาะคนเสื้อแดงที่ “จิ้มเอา” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นมาเป็น รมช.เกษตรฯ เป็นการแสดงให้เห็นว่ายังจำเป็นต้องใช้งานสำหรับภารกิจใหญ่หลายอย่างที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นถ้าบอกว่าการปรับครม. “ปู2” เที่ยวนี้เป็นการกระชับฐานะทางธุรกิจของ ทักษิณ ที่เข้า “ล้วงโดยตรง” ทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคง นั่นคือคุมคลัง-กลาโหม-พลังงาน แล้วจะไม่ให้ฟันธงได้ไงว่าต่อไปใครจะ “รวยที่สุดในโลก” !!
00 เที่ยวนี้ถ้ามองในมุมเห็นใจก็ต้องเห็นใจคนอย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ แม้ปากจะบอกว่าขอแสดงความยินดีและไม่น้อยใจ แต่ในใจคิดอย่างไรไม่มีใครรู้กับการที่เลือก ณัฐวุฒิ มานั่งเก้าอี้รมต. ทั้งที่เป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ก็ปาดหน้าแซงไปก่อน ส่วนอีกคนก็เห็นจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่แอบลุ้นอยู่ในใจว่าอาจได้รางวัลช่วงตรุษจีนได้ขยับไปคุมกระทรวงหลักกับเขาบ้าง เช่น มหาดไทย แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ เฮ้อ กลุ้มวุ๊ย !!