00 แน่นอนแล้วว่าต้องมีการปรับครม.ตามข่าวบอกว่าน่าจะมี 6-7 ตำแหน่ง บรรยากาศยามนี้ภายในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะอึมครึม บางคนก็เงียบขรึมยังทำใจไม่ได้ เพราะอีกไม่กี่วันสถานะจะเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม ขณะที่บางคนกำลังหัวใจพองโตดีอกดีใจกับตำแหน่งใหม่ “อัพเกรด” ตะกายขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้สำเร็จ ตามข่าวบางแห่งยังมั่นใจถึงขั้นระบุว่า นายกฯ “นกแก้ว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเรียบร้อยแล้วก็มี
00 อันที่จริงการปรับครม.มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เป้าหมายและเหตุผลมีอยู่สองสามอย่าง คือเพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อ “น้องสาวเจ้าของบริษัท” คือ ยิ่งลักษณ์ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทะลักเข้ามาท่วมท้น หลังจากโชว์ผลงานได้ “ห่วยแตก” ต่ำกว่ามาตรฐานที่ชาวบ้านเคยคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นการปรับครม.ก็เหมือนกับเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นหรือคนอื่น สองปรับครม.เพื่อสับเปลี่ยนเก้าอี้กันภายในพรรคให้คนอื่นเข้ามานั่งเก้าอี้บ้าง เป็นการกระจายตอบแทนตบรางวัลให้ทั่ว และที่สำคัญการปรับ ครม.แต่ละครั้งยังเป็น “หารายได้” ของบรรดา “เจ๊ๆหรือเฮียๆ” ระดับขาใหญ่ที่เป็นคนในครอบครัวของเจ้าของบริษัท ดังนั้นถ้าใครอยากนั่งเก้าอี้ รมต.ก็ต้อง “เสนอราคา” เข้ามา “ประมูล” แม่น บ่ !!
00 สำหรับบรรยากาศยามนี้ถ้ามองเข้าไปในพรรคเพื่อไทยและตามกระทรวงต่างๆ ต่างออกมาตีกัน โดยเฉพาะพวกที่มีข่าวจะโดนเด้ง บางคนแม้ไม่ออกโรงเอง แต่ก็ให้คนใกล้ชิดออกมาแทน เช่น กรณี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่แม้จะเป็นถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ไส้ในรู้กันอยู่ว่า “ไม่มีน้ำยา” กลัวว่าจะหลุดจากเก้าอี้ มท.1 ก็เลยได้เห็นอาการของ อารีย์ ไกรนารา คนที่เป็นเลขาฯออกมาขัดขาคนอื่น แถมเป็นคนบอกเองเสร็จสรรพว่ามีใครบ้างที่ถูกเด้งพ้นเก้าอี้ ในจำนวน 6-7 เก้าอี้ในช่วงตรุษจีน
00 ตามความหมายของอารีย์ที่อธิบายถึงเหตุผลของการปรับคนพวกนี้ออกไป ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีผลงาน โคตรห่วย จึงต้องเปลี่ยนใหม่ ความหมายอย่างนั้นจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองทบทวนดูใหม่ก็ได้ บอกว่า บางกระทรวงยังขาดความเชี่ยวชาญ ดังนั้นการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากกว่าเดิม เช่น ศึกษาธิการ คมนาคม อุตสาหกรรม คลัง ต้องดึงมืออาชีพเข้ามาทำงาน บรรดา รมต.ที่จะถูกปรับออกฟังแล้วเป็นไงบ้าง แสดงว่า “ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่มืออาชีพ” อย่างนั้นรึ ถ้าเป็น วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ที่แม้ว่าตามข่าวจะเด้งไปเป็น รมว.กลาโหมแต่ความหมายคืออดได้คุม “งบแสนล้าน”หลุดมือง่ายๆทั้งที่กำลังเป็นช่วงเข้าด้านเข้าเข็ม “เบิกจ่าย” พอดี หรือแม้แต่ ธีระชัย ภูนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะนึ่งเฉยยอมรับหรือ เพราะถ้าเทียบกับผลงานของ มท.1 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ แล้วเป็นไงบ้างละ เพราะเห็นว่าทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยทำงานเข้าขากันดีไม่ต้องปรับ เออเจ๋งวะ
00 พูดก็พูดเถอะคนที่น่าเจ็บปวดที่สุดคราวนี้น่าจะเป็น ธีระชัย ที่น่าจะต้องพ้นจากเก้าอี้ รมว.คลังแน่นอน แต่เป็นการพ้นไปแบบ “ไม่เห็นหัว” เหมือนกับว่าได้ “ตอบแทน” กันสมน้ำสมเนื้อแล้วก็ทางใครทางมัน แต่สำหรับรายนี้ พิชัย นริพทะพันธุ์ พิเศษหน่อยตรงที่ทำตาม “ใบสั่ง” ปรับโครงสร้างราคาพลังงานขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซเสร็จเรียบร้อยก็สะบัดก้นลุกจากรมว.พลังงานเปลี่ยนให้รายใหม่เข้ามาทึ้ง “รับงานใหม่” แทน ทุด แต่ถึงอย่างไรก็ขอยินดีล่วงหน้ากับว่าที่ทั่น รมต.ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ หรือทั่น รมต.จตุพร พรหมพันธุ์ อย่าคิดอะไรมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ คิดมากฉี่เหลืองเปล่าๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด โชคดีนะคนไทย !!
00 อันที่จริงการปรับครม.มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เป้าหมายและเหตุผลมีอยู่สองสามอย่าง คือเพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อ “น้องสาวเจ้าของบริษัท” คือ ยิ่งลักษณ์ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทะลักเข้ามาท่วมท้น หลังจากโชว์ผลงานได้ “ห่วยแตก” ต่ำกว่ามาตรฐานที่ชาวบ้านเคยคาดหวังเอาไว้ ดังนั้นการปรับครม.ก็เหมือนกับเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่นหรือคนอื่น สองปรับครม.เพื่อสับเปลี่ยนเก้าอี้กันภายในพรรคให้คนอื่นเข้ามานั่งเก้าอี้บ้าง เป็นการกระจายตอบแทนตบรางวัลให้ทั่ว และที่สำคัญการปรับ ครม.แต่ละครั้งยังเป็น “หารายได้” ของบรรดา “เจ๊ๆหรือเฮียๆ” ระดับขาใหญ่ที่เป็นคนในครอบครัวของเจ้าของบริษัท ดังนั้นถ้าใครอยากนั่งเก้าอี้ รมต.ก็ต้อง “เสนอราคา” เข้ามา “ประมูล” แม่น บ่ !!
00 สำหรับบรรยากาศยามนี้ถ้ามองเข้าไปในพรรคเพื่อไทยและตามกระทรวงต่างๆ ต่างออกมาตีกัน โดยเฉพาะพวกที่มีข่าวจะโดนเด้ง บางคนแม้ไม่ออกโรงเอง แต่ก็ให้คนใกล้ชิดออกมาแทน เช่น กรณี ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ที่แม้จะเป็นถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ไส้ในรู้กันอยู่ว่า “ไม่มีน้ำยา” กลัวว่าจะหลุดจากเก้าอี้ มท.1 ก็เลยได้เห็นอาการของ อารีย์ ไกรนารา คนที่เป็นเลขาฯออกมาขัดขาคนอื่น แถมเป็นคนบอกเองเสร็จสรรพว่ามีใครบ้างที่ถูกเด้งพ้นเก้าอี้ ในจำนวน 6-7 เก้าอี้ในช่วงตรุษจีน
00 ตามความหมายของอารีย์ที่อธิบายถึงเหตุผลของการปรับคนพวกนี้ออกไป ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีผลงาน โคตรห่วย จึงต้องเปลี่ยนใหม่ ความหมายอย่างนั้นจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองทบทวนดูใหม่ก็ได้ บอกว่า บางกระทรวงยังขาดความเชี่ยวชาญ ดังนั้นการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากกว่าเดิม เช่น ศึกษาธิการ คมนาคม อุตสาหกรรม คลัง ต้องดึงมืออาชีพเข้ามาทำงาน บรรดา รมต.ที่จะถูกปรับออกฟังแล้วเป็นไงบ้าง แสดงว่า “ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ใช่มืออาชีพ” อย่างนั้นรึ ถ้าเป็น วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ที่แม้ว่าตามข่าวจะเด้งไปเป็น รมว.กลาโหมแต่ความหมายคืออดได้คุม “งบแสนล้าน”หลุดมือง่ายๆทั้งที่กำลังเป็นช่วงเข้าด้านเข้าเข็ม “เบิกจ่าย” พอดี หรือแม้แต่ ธีระชัย ภูนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะนึ่งเฉยยอมรับหรือ เพราะถ้าเทียบกับผลงานของ มท.1 ยงยุทธ วิชัยดิษฐ แล้วเป็นไงบ้างละ เพราะเห็นว่าทั้งรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยทำงานเข้าขากันดีไม่ต้องปรับ เออเจ๋งวะ
00 พูดก็พูดเถอะคนที่น่าเจ็บปวดที่สุดคราวนี้น่าจะเป็น ธีระชัย ที่น่าจะต้องพ้นจากเก้าอี้ รมว.คลังแน่นอน แต่เป็นการพ้นไปแบบ “ไม่เห็นหัว” เหมือนกับว่าได้ “ตอบแทน” กันสมน้ำสมเนื้อแล้วก็ทางใครทางมัน แต่สำหรับรายนี้ พิชัย นริพทะพันธุ์ พิเศษหน่อยตรงที่ทำตาม “ใบสั่ง” ปรับโครงสร้างราคาพลังงานขึ้นราคาน้ำมัน-ก๊าซเสร็จเรียบร้อยก็สะบัดก้นลุกจากรมว.พลังงานเปลี่ยนให้รายใหม่เข้ามาทึ้ง “รับงานใหม่” แทน ทุด แต่ถึงอย่างไรก็ขอยินดีล่วงหน้ากับว่าที่ทั่น รมต.ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ หรือทั่น รมต.จตุพร พรหมพันธุ์ อย่าคิดอะไรมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ คิดมากฉี่เหลืองเปล่าๆ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด โชคดีนะคนไทย !!