ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูธรภาค 8 รวบแล้วหนึ่งในทีมสังหาร “เอ๋ อินไซด์” นำตัวสอบเครียดเค้นหามือปืนและคนบ่งการ ขณะที่ตำรวจตัดประเด็นที่ดินออกไปเหลือเพียงการนำเสนอข่าวสังคม ด้านผู้ต้องหายังปากแข็งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกับขอความเป็นธรรม
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (16 ม.ค.55) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวานิชย์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 ควบคุมตัวนายนพดล พรายศรี หรือ แพะ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1334/1 ถ.จอมพล ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 24/2555 ลงวันที่ 14 ม.ค.2555 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยได้ลงมือสังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี หรือ “เอ๋ อินไซด์” เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 ที่บริเวณถนนทุ่งคา-ควนดินแดง ปากทางแยกถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทางเฮลิคอร์ปเตอร์มาลงที่สนามหลังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่จังหวัดภูเก็ต
เมื่อนำตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวมาถึงได้นำตัวขึ้นชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมแถลงข่าว โดยมี พล.ต.ต.พิสัญห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงข่าวด้วย
พล.ต.ท.สันติ กล่าวว่า คดีมือปืนยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ หรือ เอ๋ อินไซด์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนนั้นตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะผู้สื่อข่าวถือว่าเป็นบุคคลที่ให้การช่วยเหลือทางราชการมาโดยตลอด เมื่อเกิดเหตุขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังแบ่งสายออกทำงานสืบสวนหาข่าว จนสามารถรู้เบาะแสว่าคนร้ายได้ไปเช่ารถจักรยานยนต์จากพื้นที่ป่าตอง หลังจากก่อเหตุได้นำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งในขุมเหมืองในตำบลรัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามทันที่หลังได้เบาะแส และทราบว่านายนพดล ได้ไปกบดานอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปกดดันเพื่อให้มอบตัว
จนเมื่อคืนวันที่ 15 ม.ค.55 นายนพดล ได้ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ซึ่งในขั้นการจับกุมนายนพดล ได้ให้การรับสารภาพว่าในวันเกิดเหตุได้ร่วมกับนายสัญญา หรือ เอก หรือ หนู กลิ่นชุ่ม ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงผู้ตาย โดยใช้รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบีบน ขตน.202 ภูเก็ต เป็นพาหนะ โดยผู้ต้องหาทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ มีนายสัญญา นั่งซ้อนท้ายและเป็นผู้ใช้อาวุธยิงผู้ตายในขณะเกิดเหตุ ในการก่อเหตุครั้งนี้มีนายบอย เป็นผู้จ้างวานในราคา 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะที่แถลงข่าวนายนพดล ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวพร้อมขอความเป็นธรรม และยอมรับว่าตนเคยมาขายผลไม้อยู่ที่จังหวัดภูเก็ตแต่จำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ได้ประกอบอาชีพขับรถตู้ชะอำ-กรุงเทพฯ
ด้าน พล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวว่า สำหรับการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบปากคำนายนพดล เพิ่มเติมเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายสัญญา กลิ่นชุ่ม มือปืน และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนปมสังหารนั้นได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปากและได้ตัดบางประเด็นออกไป เช่น ที่ดินหาดฟรีดอม หาดนาคาเล คงเหลือแต่ประเด็นการนำเสนอข่าวสังคม
ข่าวแจ้งว่า ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทางเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ นำโดยนายพรชัย นาคพล กรรมการบริหารฝ่ายสิทธิเสรีภาพ ทำการแทนประธานเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ พร้อมคณะกรรมการ ได้ยื่นหนังสือเพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีให้จับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เนื่องจากมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ต่อสังคมและความเป็นสื่อสารมวลชน และไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในการปฎิบัติหน้าที่ของสื่อสารมวลชน เพราะเป็นการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ หลังจากนั้นทางเครือข่าย ฯ ก็ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อหนังสือให้กับนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตผ่านทางตัวแทนด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (16 ม.ค.55) พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวานิชย์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 ควบคุมตัวนายนพดล พรายศรี หรือ แพะ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1334/1 ถ.จอมพล ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 24/2555 ลงวันที่ 14 ม.ค.2555 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยได้ลงมือสังหารนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี หรือ “เอ๋ อินไซด์” เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อินไซด์ ภูเก็ต เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 ที่บริเวณถนนทุ่งคา-ควนดินแดง ปากทางแยกถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทางเฮลิคอร์ปเตอร์มาลงที่สนามหลังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่จังหวัดภูเก็ต
เมื่อนำตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวมาถึงได้นำตัวขึ้นชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมแถลงข่าว โดยมี พล.ต.ต.พิสัญห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองภูเก็ตและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงข่าวด้วย
พล.ต.ท.สันติ กล่าวว่า คดีมือปืนยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ หรือ เอ๋ อินไซด์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนนั้นตนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะผู้สื่อข่าวถือว่าเป็นบุคคลที่ให้การช่วยเหลือทางราชการมาโดยตลอด เมื่อเกิดเหตุขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังแบ่งสายออกทำงานสืบสวนหาข่าว จนสามารถรู้เบาะแสว่าคนร้ายได้ไปเช่ารถจักรยานยนต์จากพื้นที่ป่าตอง หลังจากก่อเหตุได้นำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งในขุมเหมืองในตำบลรัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามทันที่หลังได้เบาะแส และทราบว่านายนพดล ได้ไปกบดานอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปกดดันเพื่อให้มอบตัว
จนเมื่อคืนวันที่ 15 ม.ค.55 นายนพดล ได้ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ซึ่งในขั้นการจับกุมนายนพดล ได้ให้การรับสารภาพว่าในวันเกิดเหตุได้ร่วมกับนายสัญญา หรือ เอก หรือ หนู กลิ่นชุ่ม ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงผู้ตาย โดยใช้รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบีบน ขตน.202 ภูเก็ต เป็นพาหนะ โดยผู้ต้องหาทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ มีนายสัญญา นั่งซ้อนท้ายและเป็นผู้ใช้อาวุธยิงผู้ตายในขณะเกิดเหตุ ในการก่อเหตุครั้งนี้มีนายบอย เป็นผู้จ้างวานในราคา 50,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะที่แถลงข่าวนายนพดล ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวพร้อมขอความเป็นธรรม และยอมรับว่าตนเคยมาขายผลไม้อยู่ที่จังหวัดภูเก็ตแต่จำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ได้ประกอบอาชีพขับรถตู้ชะอำ-กรุงเทพฯ
ด้าน พล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวว่า สำหรับการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบปากคำนายนพดล เพิ่มเติมเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายสัญญา กลิ่นชุ่ม มือปืน และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนปมสังหารนั้นได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปากและได้ตัดบางประเด็นออกไป เช่น ที่ดินหาดฟรีดอม หาดนาคาเล คงเหลือแต่ประเด็นการนำเสนอข่าวสังคม
ข่าวแจ้งว่า ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทางเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ นำโดยนายพรชัย นาคพล กรรมการบริหารฝ่ายสิทธิเสรีภาพ ทำการแทนประธานเครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ พร้อมคณะกรรมการ ได้ยื่นหนังสือเพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีให้จับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว เนื่องจากมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ต่อสังคมและความเป็นสื่อสารมวลชน และไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในการปฎิบัติหน้าที่ของสื่อสารมวลชน เพราะเป็นการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสารข้อมูลแก่ประชาชนและหน่วยงานของรัฐ หลังจากนั้นทางเครือข่าย ฯ ก็ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อหนังสือให้กับนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตผ่านทางตัวแทนด้วย