00 ต้องถือว่าเป็นเวรกรรมของประเทศไทยจริงๆที่มีรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คิดแต่ประโยชน์ของพวกพ้องญาติพี่น้องตัวเอง ที่ต้องกล่าวหากันแบบนี้ เพราะพิจารณาจากกรณีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.โดยอ้างการจัดเงินเข้ากองทุนน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลอีกครั้ง ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานก็อ้างว่านี่คือการปรับโครงสร้างราคาพลังงานกันใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด ทำให้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวานนี้(16 ม.ค.) เอาแค่ประเภทที่จำง่ายและใช้กันเยอะ เช่น ราคาน้ำมันเบนซิน 91 จะขึ้นอีกลิตรละ 1.07 บาทเป็นลิตรละ38.54 ดีเซล ขึ้นอีกลิตรละ 64 ส.ต. ไปอยู่ที่ลิตรละ 31.13 บาท และพี่น้องแท็กซี่ “เสื้อแดง” ทั้งหลายต้องไม่ลืมก็คือราคาก๊าซเอ็นจีวี จะปรับขึ้นอีกลิตรละ 50 ส.ต.ส่วนแอลพีจีจะปรับราคาขึ้นไปอีกลิตรละ 41 ส.ต.
00 แต่ข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือในเดือน ก.พ.หากไม่ต่ออายุการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะทำให้ราคาน้ำมันต้องปรับขึ้นบวกไปอีกลิตรละไม่ต่ำว่า 6-7 บาท ลองคิดดูว่าอำมหิตมั๊ยพี่น้อง ดังนั้นราคาดีเซลแค่ลิตรละ 31 บาทกว่าๆถือว่ากระจอก ให้อดใจรออีกหน่อยก็แล้วกันว่าที่บอกว่านรกนั้นมีจริงอย่าไปเถียงเป็นอันขาด
00 ขณะเดียวกันก็รอดูความวุ่นวาย ความมั่วของกระทรวงพลังงานในยุค ของ พิชัย นริพทะพันธุ์ ในเรื่องการแจกคูปอง-บัตรเครดิตพลังงานให้ส่วนลดราคาก๊าซให้กับแท็กซี่ก็แล้วกันว่าจะขนาดไหน และพูดดักคอไว้ล่วงหน้าเลยว่ามันก็แค่ราคาคุยแบบขายผ้าเอาหน้ารอด เพื่อหลอกให้พวกแท็กซี่ รถขนส่งสลายตัวเลิกประท้วง แต่ที่เป็นของจริงและต้องเดินหน้าต่อแบบไม่ยอมถอยก็คือตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.เป็นต้นไปจะขึ้นราคาก๊าซต่อไปตามกำหนดเดือนละ 50 ส.ค.จนครบสเต็ปแรกไปอีกลิตรละ 2 บาท
00 คำถามที่น่าแปลกใจก็คือทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมอุดหนุนราคาน้ำมัน โดยให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ออกโรง ก็ไหนบอกว่า ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องรักษาประโยชน์แบ่งเบาภาระของประชาชน แต่นี่กลายเป็นว่าเรื่องอื่นรัฐบาลนี้ยอมให้หมด ประชานิยมลดแลกแจกแถมสารพัด (แต่ใช้เงินหลวง) ที่เป็นแบบนี้เพราะมีพวกนักการเมืองถือหุ้นที่เหลืออีก 49 เปอร์เซ็นต์อยู่ใช่หรือไม่และในนั้น “อาจจะ”มี “นอมินี”ของ ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ เพราะดูแล้วมันอำมหิต “หน้าเลือด” ผิดปกติ ไม่ยอมขาดทุนกำไรแม้แต่บาทเดียว
00 นับจากนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะข้างยากหมากแพงเต็มรูปแบบ และจะโกลาหล เพราะชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน จนบัดนี้เชื่อว่าหลายคนยังช็อกไม่หายที่ตื่นขึ้นมาไปเติมน้ำมันแล้วได้เห็นราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปถึงลิตรละกว่า 31 บาทแล้ว จากเดิมที่เคยอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาทในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ถือว่าหลังแอ่นแล้ว และสิ่งที่ต้องเห็นก่อนก็คือการขึ้นราคาของพวกภาคขนส่งทั้งเรือเมล์ รถโดยสาร ตามมาด้วยราคาสินค้า ถือว่าน้ำมันเป็นต้นหลักโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล แต่ไม่ต้องตกใจรัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะมั่นใจว่า “เอาอยู่” หลังจากที่ได้ใช้เงินหลวงจ่ายค่าเผาเมืองไปให้คนละ 7.75 ล้านบาทซื้อใจกันไปแล้ว !!
00 แต่ข่าวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือในเดือน ก.พ.หากไม่ต่ออายุการยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันก็จะทำให้ราคาน้ำมันต้องปรับขึ้นบวกไปอีกลิตรละไม่ต่ำว่า 6-7 บาท ลองคิดดูว่าอำมหิตมั๊ยพี่น้อง ดังนั้นราคาดีเซลแค่ลิตรละ 31 บาทกว่าๆถือว่ากระจอก ให้อดใจรออีกหน่อยก็แล้วกันว่าที่บอกว่านรกนั้นมีจริงอย่าไปเถียงเป็นอันขาด
00 ขณะเดียวกันก็รอดูความวุ่นวาย ความมั่วของกระทรวงพลังงานในยุค ของ พิชัย นริพทะพันธุ์ ในเรื่องการแจกคูปอง-บัตรเครดิตพลังงานให้ส่วนลดราคาก๊าซให้กับแท็กซี่ก็แล้วกันว่าจะขนาดไหน และพูดดักคอไว้ล่วงหน้าเลยว่ามันก็แค่ราคาคุยแบบขายผ้าเอาหน้ารอด เพื่อหลอกให้พวกแท็กซี่ รถขนส่งสลายตัวเลิกประท้วง แต่ที่เป็นของจริงและต้องเดินหน้าต่อแบบไม่ยอมถอยก็คือตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.เป็นต้นไปจะขึ้นราคาก๊าซต่อไปตามกำหนดเดือนละ 50 ส.ค.จนครบสเต็ปแรกไปอีกลิตรละ 2 บาท
00 คำถามที่น่าแปลกใจก็คือทำไมรัฐบาลถึงไม่ยอมอุดหนุนราคาน้ำมัน โดยให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ออกโรง ก็ไหนบอกว่า ปตท.เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องรักษาประโยชน์แบ่งเบาภาระของประชาชน แต่นี่กลายเป็นว่าเรื่องอื่นรัฐบาลนี้ยอมให้หมด ประชานิยมลดแลกแจกแถมสารพัด (แต่ใช้เงินหลวง) ที่เป็นแบบนี้เพราะมีพวกนักการเมืองถือหุ้นที่เหลืออีก 49 เปอร์เซ็นต์อยู่ใช่หรือไม่และในนั้น “อาจจะ”มี “นอมินี”ของ ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ เพราะดูแล้วมันอำมหิต “หน้าเลือด” ผิดปกติ ไม่ยอมขาดทุนกำไรแม้แต่บาทเดียว
00 นับจากนี้ก็เริ่มเข้าสู่ภาวะข้างยากหมากแพงเต็มรูปแบบ และจะโกลาหล เพราะชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน จนบัดนี้เชื่อว่าหลายคนยังช็อกไม่หายที่ตื่นขึ้นมาไปเติมน้ำมันแล้วได้เห็นราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปถึงลิตรละกว่า 31 บาทแล้ว จากเดิมที่เคยอยู่ที่ลิตรละ 29.99 บาทในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ถือว่าหลังแอ่นแล้ว และสิ่งที่ต้องเห็นก่อนก็คือการขึ้นราคาของพวกภาคขนส่งทั้งเรือเมล์ รถโดยสาร ตามมาด้วยราคาสินค้า ถือว่าน้ำมันเป็นต้นหลักโดยเฉพาะน้ำมันดีเซล แต่ไม่ต้องตกใจรัฐบาลชุดนี้ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะมั่นใจว่า “เอาอยู่” หลังจากที่ได้ใช้เงินหลวงจ่ายค่าเผาเมืองไปให้คนละ 7.75 ล้านบาทซื้อใจกันไปแล้ว !!