“พิชัย” เผยมติบอร์ด กบง.สั่งให้ สนพ.ทบทวนแผนเก็บเงินคืนกองทุนน้ำมันฯ หวั่นเพิ่มภาระประชาชน “มนูญ” แนะจับตา 16 ม.ค.นี้ “ดีเซล” ทะลุ 30 บาท
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2555 (วานนี้) โดยระบุว่า บอร์ด กบง. มีมติให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปจัดทำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ทบทวนมติเดิมเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2555 ที่กำหนดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 1 บาทต่อเดือน และดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร มีผล 16 มกราคม 2555 ซึ่งหลังจากเดือนมกราคม 2555 ไปแล้ว ในเดือนต่อไปจะบริหารอย่างไรไม่ให้กระทบกับประชาชน โดยให้พิจารณาตลาดโลก รวมถึงส่วนต่างระหว่างราคาเบนซินและแก๊สโซฮอล์เพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทน
“ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สนพ.พิจารณาทบทวนการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ตามมติใหม่ของบอร์ด กพช.เพื่อให้เหมาะสม ช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เป็นช่วงขาขึ้น เพราะหากเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในอัตราที่สูงเกินไปก็จะเป็นภาระต่อประชาชนก่อนจะนำเสนอเข้าที่ประชุม กพช.ในครั้งต่อไป”
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุม กบง.มีมติให้จัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร เริ่ม 16 มีนาคม 2555 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์พลังงานในแต่ละเดือน ดังนั้น ในเดือนมกราคมนี้ จะทยอยเก็บเงินจากน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ 0.60 บาทต่อลิตร เบนซิน 95 และ 91 จำนวน 1 บาทต่อลิตร จากเดิมไม่มีการจัดเก็บ ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จะลดการอุดหนุนจาก 1.40 บาทต่อลิตร เหลือ 0.40 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี-20 ลดการอุดหนุนจาก 2.80 บาทต่อลิตรลงเหลือ 1.80 บาทต่อลิตร และ น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี-85 จะอุดหนุนเพิ่ม 0.10 บาทต่อลิตร เป็น 13.60 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม หลังเริ่มทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มเบนซินและดีเซลคืน ก็จะช่วยลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ลงเหลือวันละ 44.23 ล้านบาท จากเดิมที่มีภาระติดลบอยู่วันละ 97.85 ล้านบาท หรือลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ได้วันละ 53.62 ล้านบาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2555) ติดลบอยู่ที่ 14,550 ล้านบาท
ด้าน นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อราคาน้ำมันในปี 2555 มี 4 ปัจจัย ประกอบด้วย ความตึงเครียดในอิหร่านที่จะส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินสิงคโปร์พุ่งไป 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ต้นทุนน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 ทำให้เบนซินมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 0.48 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลต้นทุนเพิ่ม 0.41 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ ยังมีผลมาจากการทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงคืนอีกประมาณ 3 บาทต่อลิตร และภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุดมาตรการสิ้นเดือนมกราคม 2555 นี้ ดังนั้น เชื่อว่า รัฐบาลจะตัดสินใจต่ออายุมาตรการออกไปอีก 1-2 เดือน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2555 นี้ จะได้เห็นราคาน้ำมันดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตรแน่นอน
