ASTVผู้จัดการรายวัน–ผู้ค้าน้ำมันขานรับเลื่อนขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 1เดือน เผยหากเลื่อนนาน รัฐจะไม่มีรายได้เข้า แต่การเพิ่มควรจะทยอยเพิ่มมากว่าขึ้นรวดเดียว เตือนผู้ใช้ทำใจราคาดีเซลพุ่งต่อเนื่อง ทั้งการบังคับใช้มาตรฐานยูโร เพิ่มภาษีสรรพสามิต และส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ “มนูญ”ออกโรงเชียร์รัฐขึ้นNGV อย่าสนแรงกดดันจากผู้ประกอบการขนส่งและแท็กซี่
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเลื่อนการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่เก็บเพียงอัตราร้อยละ 0.005 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2554 ออกไปอีก 1 เดือนว่า รัฐบาลคงพิจารณาเห็นว่าการเลื่อนเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไป 1 เดือน เพียงพอแล้วที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น หากชะลอการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลนานออกไปมากกว่านี้ รัฐจะสูญเสียรายได้เดือนละ 9 พันล้านบาท แต่การเพิ่มอยากให้รัฐทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตจากอัตราที่ต้องจัดเก็บ 5 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ในเดือนม.ค.2555 ผู้ใช้รถยนต์ยังมีภาระต้องจ่ายค่าน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.40 บาทต่อลิตรจากมาตรการบังคับใช้น้ำมันสะอาดมาตรฐานยูโร 4 ทำให้โรงกลั่นมีการลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อผลิตน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ส่งผลให้บางจากมีต้นทุนดีเซลเพิ่มขึ้น 80 สตางค์/ลิตร และกลุ่มแก๊สโซฮอล์เบนซิน 1 บาท/ลิตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อและภาครัฐว่าควรจะปรับราคาขึ้นเท่าไร คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุป และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในวันที่ 16 ม.ค.2555 ในส่วนดีเซล 60 สตางค์/ลิตร และเบนซิน 1 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลก คงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักไปจนถึงสิ้นปี 2554 โดยล่าสุด บางจากฯ ได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 30 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (21 ธ.ค.) และเชื่อว่าราคาดีเซลสิ้นปีนี้คงอยู่ที่ 28.50-28.60 บาท/ลิตร เมื่อรวมกับต้นทุนยูโร 4 และการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ราคาน้ำมันดีเซลคงอยู่ระดับ 30 บาท/ลิตร และจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเดือนถัดไป
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการขนส่งทางบกและแท็กซี่ เรียกร้องกดดันไม่ให้รัฐปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมขาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ตามที่กำหนดในวันที่ 16 ม.ค.2555 ที่จะทยอยปรับขึ้นครั้งละ 0.50บาท/ก.ก. จนถึง 6 บาท/ก.ก.นั้น เห็นว่า รัฐบาลควรเดินหน้าขึ้นราคาNGV และราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตามเดิม เนื่องจากราคาขายNGVและLPG ในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งที่ผ่านมา ต้องอาศัยกองทุนน้ำมันฯ มาอุดหนุนผู้ใช้ก๊าซฯ มาโดยตลอด แต่ขณะนี้กองทุนฯ ไม่มีเงินเข้ามาอุดหนุนได้อีกแล้ว
ส่วนกรณีที่แท็กซี่ขู่ว่าจะปรับราคามิเตอร์จาก 35 บาทเป็น 50 บาท หากรัฐปรับขึ้นNGV อยากให้ผู้ประกอบการแท็กซี่หันมาหาวิธีใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ โดยลดการวิ่งรถเปล่า แต่ปรับวิธีการให้มีการจอดรถแล้วให้ผู้โดยสารเดินมาใช้บริการหรือใช้วิธีโทรเรียกแทน อีกทั้งรัฐก็ได้ออกบัตรเครดิตพลังงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แท็กซี่อยู่แล้ว
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเลื่อนการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่เก็บเพียงอัตราร้อยละ 0.005 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2554 ออกไปอีก 1 เดือนว่า รัฐบาลคงพิจารณาเห็นว่าการเลื่อนเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไป 1 เดือน เพียงพอแล้วที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น หากชะลอการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลนานออกไปมากกว่านี้ รัฐจะสูญเสียรายได้เดือนละ 9 พันล้านบาท แต่การเพิ่มอยากให้รัฐทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตจากอัตราที่ต้องจัดเก็บ 5 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ในเดือนม.ค.2555 ผู้ใช้รถยนต์ยังมีภาระต้องจ่ายค่าน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.40 บาทต่อลิตรจากมาตรการบังคับใช้น้ำมันสะอาดมาตรฐานยูโร 4 ทำให้โรงกลั่นมีการลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อผลิตน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ส่งผลให้บางจากมีต้นทุนดีเซลเพิ่มขึ้น 80 สตางค์/ลิตร และกลุ่มแก๊สโซฮอล์เบนซิน 1 บาท/ลิตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อและภาครัฐว่าควรจะปรับราคาขึ้นเท่าไร คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุป และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในวันที่ 16 ม.ค.2555 ในส่วนดีเซล 60 สตางค์/ลิตร และเบนซิน 1 บาท/ลิตร
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลก คงไม่เปลี่ยนแปลงมากนักไปจนถึงสิ้นปี 2554 โดยล่าสุด บางจากฯ ได้ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 30 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (21 ธ.ค.) และเชื่อว่าราคาดีเซลสิ้นปีนี้คงอยู่ที่ 28.50-28.60 บาท/ลิตร เมื่อรวมกับต้นทุนยูโร 4 และการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ราคาน้ำมันดีเซลคงอยู่ระดับ 30 บาท/ลิตร และจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเดือนถัดไป
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการขนส่งทางบกและแท็กซี่ เรียกร้องกดดันไม่ให้รัฐปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมขาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ตามที่กำหนดในวันที่ 16 ม.ค.2555 ที่จะทยอยปรับขึ้นครั้งละ 0.50บาท/ก.ก. จนถึง 6 บาท/ก.ก.นั้น เห็นว่า รัฐบาลควรเดินหน้าขึ้นราคาNGV และราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ตามเดิม เนื่องจากราคาขายNGVและLPG ในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งที่ผ่านมา ต้องอาศัยกองทุนน้ำมันฯ มาอุดหนุนผู้ใช้ก๊าซฯ มาโดยตลอด แต่ขณะนี้กองทุนฯ ไม่มีเงินเข้ามาอุดหนุนได้อีกแล้ว
ส่วนกรณีที่แท็กซี่ขู่ว่าจะปรับราคามิเตอร์จาก 35 บาทเป็น 50 บาท หากรัฐปรับขึ้นNGV อยากให้ผู้ประกอบการแท็กซี่หันมาหาวิธีใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ โดยลดการวิ่งรถเปล่า แต่ปรับวิธีการให้มีการจอดรถแล้วให้ผู้โดยสารเดินมาใช้บริการหรือใช้วิธีโทรเรียกแทน อีกทั้งรัฐก็ได้ออกบัตรเครดิตพลังงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แท็กซี่อยู่แล้ว