ASTVผู้จัดการรายวัน - ประเมินน้ำมันดิบตลาดโลกปี 2555 เฉลี่ย 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล กดดันให้ราคาขายปลีกในประเทศยิ่งสูงหนัก โดยเฉพาะดีเซลเจอหลายเด้ง เหตุถึงเวลาต้องทยอยเก็บคืนภาษีสรรพสามิต และเงินเข้ากองทุนน้ำมันรวม 6-7 บาทต่อลิตร มองดีเซลขั้นต่ำ 27 บาทต่อลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปี 2555 โดยเฉพาะเบรนท์และนิวยอร์คเฉลี่ยจะทรงตัวระดับสูง 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปีนี้ที่เฉลี่ย 96-97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะคลี่คลาย เช่นเดียวกับการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป รวมถึงเงินเฟ้อของจีน ก็จะลดลง ทำให้จีนจะสามารถผ่อนคลายกฏระเบียบด้านการเงินลงได้ ขณะที่ประเทศสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก (กลุ่มโอเปก) คาดว่า จะไม่มีการเพิ่มกำลังผลิตอีก
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยจะปรับตัวเฉลี่ยสูงกว่าราคาตลาดโลก เนื่องจากจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากปัจจัยภายใน เพราะปี 2554 รัฐบาลไม่มีการเก็บเงินภาษีสรรพสามิตและเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซลเลย ซึ่งรวมกันเฉลี่ย 6-7 บาทต่อลิตร
“กรณีดีเซลน่าจะหนักอยู่ เพราะปีหน้าจะไม่มีภาษีดีเซล ไม่มีเงินกองทุนน้ำมันฯ ทำให้ต้องเจอหลายเด้ง ทั้งรัฐจะเก็บเงินคืนเข้ากองทุนน้ำมันหลัง 16 ม.ค.2555 และภาษีสรรพสามิตที่ชะลอออกไป 3 เดือน แต่ที่สุดก็จะต้องเก็บคืน เพราะถือเป็นรายได้คลังค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้วิธีทยอยเรียกคืนเพื่อลดผลกระทบ เพราะหากขยับขึ้นทันทีจะมีผล 6-7 บาทต่อลิตร ดังนั้น เฉลี่ยราคาดีเซลของไทยปีหน้าขั้นต่ำจะอยู่ที่ 27 บาทต่อลิตร” นายมนูญ กล่าว
ทั้งนี้ กรณีที่คลังระบุว่าจะชะลอภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไป 3 เดือนนั้น นายมนูญ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องสูญรายได้ถึง 2.7 หมื่นล้านบาท โดยเห็นว่า 2 เดือนก็น่าจะเพียงพอ เพราะปกติดีเซลตลาดโลกจะแพงช่วงฤดูหนาวถึง ก.พ.เท่านั้น การชะลอนานก็จะทำให้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มอีก ส่วนราคาเบนซินขายปลีกจะมีแรงกดดันน้อยกว่าดีเซล เพราะไม่ใช่น้ำมันเศรษฐกิจ และมีเพียงแค่การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประกอบกับรัฐเลิกขายเบนซิน 91 วันที่ 1 ต.ค.2555 ทำให้ไม่ต้องเก็บเงินมากเพื่อดูแลส่วนต่างราคา
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2555 หากไม่มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปี 2554 ประมาณ 107 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกอาจจะฟื้นตัวระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ดีได้อีก เพราะยังคงมีปัญหาหนี้ในหลายๆ ประเทศของยุโรป ขณะที่การผลิตปี 2555 ลิเบียจะกลับมาผลิตและส่งออกได้ปกติอีกครั้ง
“เห็นด้วยที่รัฐบาลชะลอภาษีฯดีเซลออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากช่วงต้นปีราคาดีเซลตลาดโลกจะแพง เพราะเป็นฤดูหนาวของยุโรปและสหรัฐฯ” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตผู้บริหาร บมจ.ปตท.กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่ง กรณีที่คลังจะชะลอการเรียกคืนภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ได้ปรับลดลงไปประมาณ 5 บาทต่อลิตรในช่วงวิกฤตราคาแพง เนื่องจากประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมทำให้กำลังซื้อลดต่ำลง แต่ถึงที่สุดแล้วก็ควรจะเรียกเก็บคืน ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลจะใช้วิธีทยอยการจัดเก็บเพื่อลดผลกระทบ
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหารบมจ.บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปี 2555 โดยเฉพาะเบรนท์และนิวยอร์คเฉลี่ยจะทรงตัวระดับสูง 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากปีนี้ที่เฉลี่ย 96-97 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะคลี่คลาย เช่นเดียวกับการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป รวมถึงเงินเฟ้อของจีน ก็จะลดลง ทำให้จีนจะสามารถผ่อนคลายกฏระเบียบด้านการเงินลงได้ ขณะที่ประเทศสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก (กลุ่มโอเปก) คาดว่า จะไม่มีการเพิ่มกำลังผลิตอีก
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยจะปรับตัวเฉลี่ยสูงกว่าราคาตลาดโลก เนื่องจากจะได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากปัจจัยภายใน เพราะปี 2554 รัฐบาลไม่มีการเก็บเงินภาษีสรรพสามิตและเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซลเลย ซึ่งรวมกันเฉลี่ย 6-7 บาทต่อลิตร
“กรณีดีเซลน่าจะหนักอยู่ เพราะปีหน้าจะไม่มีภาษีดีเซล ไม่มีเงินกองทุนน้ำมันฯ ทำให้ต้องเจอหลายเด้ง ทั้งรัฐจะเก็บเงินคืนเข้ากองทุนน้ำมันหลัง 16 ม.ค.2555 และภาษีสรรพสามิตที่ชะลอออกไป 3 เดือน แต่ที่สุดก็จะต้องเก็บคืน เพราะถือเป็นรายได้คลังค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะใช้วิธีทยอยเรียกคืนเพื่อลดผลกระทบ เพราะหากขยับขึ้นทันทีจะมีผล 6-7 บาทต่อลิตร ดังนั้น เฉลี่ยราคาดีเซลของไทยปีหน้าขั้นต่ำจะอยู่ที่ 27 บาทต่อลิตร” นายมนูญ กล่าว
ทั้งนี้ กรณีที่คลังระบุว่าจะชะลอภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไป 3 เดือนนั้น นายมนูญ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องสูญรายได้ถึง 2.7 หมื่นล้านบาท โดยเห็นว่า 2 เดือนก็น่าจะเพียงพอ เพราะปกติดีเซลตลาดโลกจะแพงช่วงฤดูหนาวถึง ก.พ.เท่านั้น การชะลอนานก็จะทำให้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มอีก ส่วนราคาเบนซินขายปลีกจะมีแรงกดดันน้อยกว่าดีเซล เพราะไม่ใช่น้ำมันเศรษฐกิจ และมีเพียงแค่การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประกอบกับรัฐเลิกขายเบนซิน 91 วันที่ 1 ต.ค.2555 ทำให้ไม่ต้องเก็บเงินมากเพื่อดูแลส่วนต่างราคา
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2555 หากไม่มีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับปี 2554 ประมาณ 107 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกอาจจะฟื้นตัวระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ดีได้อีก เพราะยังคงมีปัญหาหนี้ในหลายๆ ประเทศของยุโรป ขณะที่การผลิตปี 2555 ลิเบียจะกลับมาผลิตและส่งออกได้ปกติอีกครั้ง
“เห็นด้วยที่รัฐบาลชะลอภาษีฯดีเซลออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากช่วงต้นปีราคาดีเซลตลาดโลกจะแพง เพราะเป็นฤดูหนาวของยุโรปและสหรัฐฯ” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตผู้บริหาร บมจ.ปตท.กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่ง กรณีที่คลังจะชะลอการเรียกคืนภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ได้ปรับลดลงไปประมาณ 5 บาทต่อลิตรในช่วงวิกฤตราคาแพง เนื่องจากประชาชนยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมทำให้กำลังซื้อลดต่ำลง แต่ถึงที่สุดแล้วก็ควรจะเรียกเก็บคืน ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลจะใช้วิธีทยอยการจัดเก็บเพื่อลดผลกระทบ