xs
xsm
sm
md
lg

เกิดเป็นคนไทย ต้องอดทน

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

มติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นชอบในหลักการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมให้การเยียวยาและฟื้นฟูผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือความขัดแย้งช่วงการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เมื่อวันอังคารที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่จบไม่สิ้น เชื่อว่าจะต้องเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนในสังคมไปอีกนาน

เพราะเป็นมติที่อัปยศยิ่งกว่ามติคณะรัฐมนตรีใดๆ ที่เคยมีมาหนึ่ง

เพราะเป็นมติที่ผู้ลงมติจะต้องหน้าด้านมากๆ จึงจะมีมติเช่นนี้ได้ (อย่างน้อยๆ ก็ระดับสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ขณะที่ออกหนังสือเดินทางให้ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ) หน้าด้านนิดหน่อย หน้าด้านธรรมดา ไม่กล้าลงมติเช่นนี้แน่อีกหนึ่ง

เพราะมติดังกล่าวเป็นมติที่เอาเงินภาษีของประชาชนทั้งหลายทั้งปวงไปตกรางวัลแก่พวกพ้องที่สนับสนุนต่อสู้เพื่อให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดรัฐบาลนี้ขึ้นมา หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ และพี่ชายคือ ทักษิณ ชินวัตร ได้ปูนบำเหน็จคนส่วนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อพวกเขาในเดือนเมษายน 2552 และ 2553 ไปแล้ว โดยให้ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ฯลฯ

มติคณะรัฐมนตรี 10 มกราคมจึงให้เอามาให้ผู้ที่ร่วมต่อสู้ที่ตาย บาดเจ็บ บาดเจ็บเล็กน้อย ถูกจับกุมคุมขัง ยังเหลือก็แต่ผู้ที่ร่วมชุมนุมโดยทั่วไป ซึ่งลองหน้าด้านมีมติได้ขนาดนี้ก็น่าจะพิจารณาให้ เป็นต้นว่า เข้าร่วมชุมนุม 10 วันถึง 1 เดือนได้ 2 แสนบาท มากกว่า 1 เดือนได้ 5 แสนบาท ร่วมเผาศาลากลางจังหวัดให้ 2 แสนบาท เผาร้านค้าทั่วไปได้คูหาละ 1 แสนบาท ฯลฯ

เอาให้มันสนุกสนาน ให้มันวิบัติฉิบหายกันไปเลย จะไม่โต้แย้งสักคำ เพราะทหารหาญที่เขาสละชีวิตเพื่อปกป้องคุ้มครองประเทศชาติเขายังได้ไม่ถึง 7 ล้านบาท เขาก็ไม่บ่น ไม่พูดสักคำ ตำรวจที่เขาตายเพื่อพิทักษ์สันติราษฎรสู้กับโจรผู้ร้าย เขาก็ไม่บ่นสักแอะ ครู ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เขาสียสละ เขาก็ได้แต่ทำตาปริบๆ เมื่อได้รู้ได้ยินได้ฟังมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นดีเห็นงามกับการที่จะจ่ายเงินให้กับคนที่เผาบ้านเผาเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ให้ลาออก ให้มีการเลือกตั้งใหม่ และได้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มา

พวกเขายังทนได้ ผมก็ต้องทนให้ได้ แม้จะมองเห็นความวิบัติฉิบหายอยู่เบื้องหน้าก็ตาม

ความวิบัติฉิบหายที่ผมว่าก็คือ ขื่อแปของบ้านเมืองไม่มีแล้ว นอกจากมติอันอัปยศของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ มติของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้น กล่าวคือ มติเขาเห็นว่าการควักเงินงบประมาณแผ่นดินมาเป็นการตกรางวัลตอบแทนที่ต่อสู้ขายชีวิตให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร และพวกเขา ทั้งที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตด้วยการกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้ และทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นคดีความกันอยู่ในศาลสถิตยุติธรรมขณะนี้

เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต หรือเป็นการปราบปราม การกระชับพื้นที่จากเบาไปสู่หนักหรืออย่างไร ศาลกำลังพิจารณาอยู่ แต่ที่แน่นอนที่สุด ศาลากลางจังหวัดวอดไปหลายหลัง อาคารหลายแห่งบริเวณเวิลด์เทรด ราชประสงค์ถูกเผา โรงพยาบาลจุฬาฯ ถูกบุก คนเจ็บ คนไข้ แพทย์ พยาบาลอพยพกันจ้าละหวั่น กระทรวงกลาโหมถูกยิง เสาไฟฟ้าแรงสูงถูกวางระเบิด คลังน้ำมันถูกยิง ฯลฯ

นี่คือผลงานของวีรชนประชาธิปไตยอย่างที่ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่า สมควรได้รับการเยียวยาหรือ?

อย่าคิดว่าการระดมผู้คนขึ้นมาสู้จะทำได้ ทำเป็นเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร คนเดียว คนอื่นก็ทำเป็น ทำได้ ถึงตอนนั้นจะยังชื่นชมว่า นี่เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ หรือจะเป็นประชาธิปไตยเฉพาะที่สนับสนุนทักษิณ สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์เท่านั้นจึงจะเป็นประชาธิปไตย สมควรจะได้รับการเยียวยาช่วยเหลือ?

คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีอำนาจพิเศษยิ่งกว่าศาลที่มีอำนาจในการพิจารณาให้สินไหมชดเชยผู้ที่ถูกละเมิด เพราะผู้ที่เสียชีวิต บาดเจ็บจากเหตุการณ์เมษายน 2551-2552 กำลังร้องต่อศาล และศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่คณะรัฐมนตรีชุดนี้กลับออกมติที่เรียกกันว่า การเยียวยา การชดเชยแทนศาล

นั่นเท่ากับว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้หน้าด้านทำหน้าที่เป็นศาลสถิตยุติธรรมเสียเอง แถมยังให้สิ่งที่เรียกว่าการเยียวยา การชดเชยมากเป็นพิเศษ มากกว่าทหาร ตำรวจที่เสียชีวิต บาดเจ็บในการปฏิบัติหน้าที่เสียอีก

มติคณะรัฐมนตรีนี้ไม่มีกฎหมายรองรับแต่อย่างใด ในขณะที่การพิจารณาของศาลสถิตยุติธรรมจะพิจารณาว่า รัฐได้ละเมิดผู้เสียหายจริงหรือไม่ หากเป็นการละเมิดความเสียหายนั้นขนาดไหน ไม่หน้าด้าน ไม่หลับหูหลับตาพิจารณาให้กันง่ายๆ อย่างที่มีมติเมื่อวันอังคารที่ 10 มกราคม แน่นอน

ยิ่งถ้าหากการกระทำนั้นขัดต่อกฎหมาย ไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาให้สินไหม หรือการชดเชยเยียวยาแน่นอน

มติดังกล่าวนี้ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงเป็นมติอัปยศ เป็นมติของคนหน้าด้าน ไร้ยางอายเท่านั้นที่จะออกมาได้

เชื่อว่ายังจะมีความหน้าด้าน อัปยศอื่นๆ ตามมาให้ประชาชนคนไทยทั้งหลายได้อดได้ทนกันอีกเรื่อยๆ หลังจากที่พวกมันได้แสดงความหน้าด้านในหลายกรณีมาแล้ว ไม่ว่าการช่วยเหลือทักษิณ การไม่ฎีกาคดีเมียทักษิณ ความพยายามที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ จนกระทั่งมาถึงมติอัปยศนี้

อดทนครับ เกิดเป็นคนไทยยุคนี้ต้องอดทน
กำลังโหลดความคิดเห็น