พะเยา -ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) พะเยา เผยพื้นที่ป่าสงวนฯ รอบมหาวิทยาลัยพะเยา ถูกรุกหนัก ด้านปลัดจังหวัดฯ ยอมรับเห็นใจประชาชนที่ทำกินจริง แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปกป้องพื้นป่าเอาไว้
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่ห้องประชุมจอมทองชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดพะเยา นายชนะ แพ่งพิบูลย์ ปลัดจังหวัดพะเยา ได้เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าระดับจังหวัด (คคป.) จังหวัดพะเยา
ทั้งนี้ มีคณะกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา (ทสจ.) , หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, เจ้าหน้าป่าไม้จังหวัด, ฝ่ายปกครอง, ตำรวจ, ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าร่วมประชุมฯ เพื่อติดตามการดำเนินการป้องกัน และปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการบุกพื้นที่ป่าในจังหวัดพะเยาในรอบเดือนพฤศจิกายน 54
นายวรพจน์ ผ่องสมัย ผอ.ทสจ.พะเยา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ล่าสุดพบว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ร่องขุย รอบมหาวิทยาลัยพะเยา ถูกกลุ่มนายทุนรวมถึงชาวบ้านบุกรุกอย่างหนักและต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะมาจากการขยายตัวของมหาวิทยาลัยพะเยา ที่นำความเจริญเข้าในพื้นที่
แม้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้สนธิกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่คืน รวมถึงดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกก็ตาม แต่ก็ยังคงพบการบุกในพื้นที่ไม่หยุด และการเข้าดำเนินการต่อผู้บุกรุกตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่หลายครั้ง ก็ถูกชาวบ้านร้องว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ รุนแรงเกินไป
นายวรพจน์บอกว่า ที่จริงได้มีการออกประกาศจังหวัดพะเยา เรื่องห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าในเขตป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติฯ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ท้องที่จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นการแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบแล้ว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการนำป้ายประกาศดังกล่าวไปติดตั้งในพื้นที่ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบต่อไป
ด้าน นายชนะ แพ่งพิบูลย์ ปลัดจังหวัดพะเยา ยอมรับเห็นใจประชาชนที่เข้าไปทำกินเพื่อเลี้ยงชีพของตนเองจริง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นการป้องปกพื้นป่าเอาไว้ เนื่องจากขณะนี้พบว่าป่าในพื้นที่จังหวัดพะเยาได้ถูกบุกรุกไปมากแล้ว
ส่วนเรื่องการออกประกาศจังหวัดพะเยา ในการห้ามไม่ให้มีการบุกรุกนั้นจะต้องส่งประกาศดังกล่าวให้กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำไปติดประชาสัมพันธ์ให้ทราบอย่างทั่วถึง โดยเน้นหนักในพื้นที่ที่มีการบุกรุกรุนแรง เช่น อ.ปง และ อ.ดอกคำใต้ ด้วย