xs
xsm
sm
md
lg

ฐานเสียงรับเละ3.8 แสนล้าน ครม.บ้านเกิด รถไฟกทม.-ชม.อุโมงค์ฉลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (15 ม.ค.)นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมมีมติรับทราบกรอบแผนงานลงทุนโครงการพัฒนาจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด จำนวน 128 โครงการ วงเงินรวม 387,389.44 ล้านบาท โดยแยกเป็นแผนงานหลัก 5 แผนด้าน ประกอบไปด้วย 1.แผนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและการเกษตร รวมวงเงิน 19,065.53 ล้านบาท 2.แผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ขนส่ง โลจิสติกส์ วงเงิน 354,431.76 ล้านบาท 3.แผนงานด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน บริการ การท่องเที่ยว วงเงิน 10,556.90 ล้านบาท 4.แผนงานด้านบริการทางสังคม วงเงิน 3,238.52 ล้านบาท และ 5.แผนงานด้านโครงการอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 96.73 ล้านบาท
สำหรับแผนงานลงทุนโครงการ จำนวน 387,389.44 ล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 28 โครงการ วงเงิน 341,728 ล้านบาท โครงการในจังหวัดเชียงใหม่ 41 โครงการ วงเงิน 31,378.77 ล้านบาท ลำพูน 11 โครงการ วงเงิน 1,687.80 ล้านบาท ลำปาง 6 โครงการ วงเงิน 1,671.26 ล้านบาท แม่ฮ่องสอน 5 โครงการ วงเงิน 510.72 ล้านบาท เชียงราย 10 โครงการ วงเงิน 528.08 ล้านบาท พะเยา 9 โครงการ วงเงิน 31,713 ล้านบาท แพร่ 7 โครงการ วงเงิน 197.38 ล้านบาท และน่าน 11 โครงการ วงเงิน 5,974.43 ล้านบาท
เนื่องจากมีแผนงานที่เสนอเข้ามาเป็นจำนวนมาก อาจมีความซ้ำซ้อนกับโครงการที่รัฐบาลพิจารณาดำเนินการอยู่ ที่ประชุม ครม.จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณากลั่นกรอง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากเป็นโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของทางจังหวัดจะให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) รับไปพิจารณา ส่วนโครงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมอบให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเพื่ออนาคตในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะให้ส่งเรื่องผ่านคณะกรรมกายุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) พิจารณาต่อไป

**เอกชนภาคเหนือขอบคุณนายกฯปู
ส่วนการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่โรงแรมรติล้านนา ถ.ช้างคลาน จ.เชียงใหม่นั้น ทางประธานหอการค้าและภาคเอกชนได้แสดงความยินดี เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีและเป็นเวทีที่ดีมาก รวมทั้งได้ขอบคุณน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เปิดโอกาส โดยนายกฯระบุว่า ในการทำงานเรื่องเศรษฐกิจของประเทศภาครัฐและเอกชนต้องทำงานกันอย่างใกล้ชิดควบคู่กัน เพื่อร่วมกันกอบกู้ประเทศไทย หากภาคเอกชนมีปัญหาใดขอให้แจ้งมา รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอต่างๆของภาคเอกชน จะได้มีความเข้าใจกัน จึงอยากจัดให้มี 2 เวที คือเวทีแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ รวมทั้งรับฟังฟีดแบล็คจากภาคเอกชน และควรจะมีการทานข้าวแบบเป็นกันเอง นั่งคุยกันนอกรอบ หากภาคเอกชนมีข้อเสนอทางเลือกให้รัฐบาลจะยิ่งดีมาก แต่เรื่องไหนที่จะเป็นเรื่องใหญ่ก็จะพยายามคุยกันก่อนในวงเล็กเพื่อทำให้การทำงานดีขึ้น แต่บางอย่างอาจจะติดขัดไม่สามรถนัดประชุมก่อนได้ก็ขอให้เข้าใจ
นายกฯยังได้กล่าวถึงการฟื้นฟูหลังน้ำลดนั้น ว่าอยากจะขอแรงจากภาคเอกชน อยากให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อสร้างความมั่นใจ บางอย่างไม่อยากให้ประกาศอะไรออกไปก่อนแล้วทำไม่ได้ ก็ต้องเอาแผนงานมากางกัน ด้านประธานสภาอุตสาหกรรม ได้กล่าวถึงความร่วมมือของภาคเอกชนที่สำคัญมาก ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การทำให้เกิดความมั่นใจและความเชื่อมั่นนั้นเป็นงานที่ต้องรีบเร่ง

**มอง“บุญทรง”ประสานจัดการต่อ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางในการสั่งการรับมนตรีในการลงพื้นที่นั้น คือ ให้รัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงโครงการ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมให้หน่วยงานไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และรับข้อเสนอของหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่เพิ่มเติม โดยภาคเหนือตอนบนได้เห็นชอบโครงการก่อสร้างประตูน้ำสบแม่ข่า อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยให้กรมชลประทานจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเสนอขอรับงบปี 55 ในการสนับสนุนจากกยน. และมอบหมายให้กรมชลประทานทำแผนการซ่อมแซมตลิ่งฝั่งขวา ลำน้ำแม่งัด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ให้ชัดเจน พร้อมทบทวนการบริหารจัดการน้ำให้เสร็จก่อนฤดูน้ำหลาก และเห็นควรสนับสนุนการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สะลวม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
โดยให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการเร่งรัดการใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อประกาศถอนพื้นที่บางส่วนออกจากกรมอุทยานแห่งชาติสีลาแม และเห็นควรให้มีโครงการแก้น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ลำพูน โดยมอบให้กรมชลฯและกรมทางหลวงศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ และเห็นควรสนับสนุนการป้องกันน้ำท่วมนิคมอุสาหกรรมภาคเหนือและสถานประกอบการบริเวณใกล้เคียง อ.เมือง จ.ลำพูน โดยให้กยน.พิจารณาต่อไป ทั้งนี้เห็นควรให้สนับสนุนป้องกันปัญหาน้ำท่วมลุ่มน้ำลี้ จ.ลำพูน เห็นควรสนับสนุนโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน จ.แม่ฮ่องสอน สำหรับงบประมาณในภาคเหนือทั้งหนึ่งและสอง 8 จังหวัด ได้เสนอมาทั้งสิ้น 128 โครงการ เป็นวงเงิน 387,389.44 ล้านบาท และจะต้องมีการกลั่นกรองจากกนจ. ในส่วนที่เกี่ยวกับน้ำจะส่งให้คณะกรรมการยุธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน กยน. กลั่นกรองก่อน

** 1.5หมื่นล้าน.ฟื้นฟูอุทกภัย
นางฐิติมา กล่าวด้วยว่า ครม.รับทราบผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน กรอบวงเงินงบประมาณการฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวม 5 กลุ่ม กิจกรรมตามที่สำนักงบประมาณเสนอ วงเงิน 15,157,372,100 บาท โดยสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกัน โดยในการพิจารณาได้กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงาน โครงการดังนี้
1. เป็นโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่ที่อยู่ในเขตประกาศอุทกภัย และได้รับคำยืนยันจากจังหวัดแล้ว 2. ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการของส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วหรือตั้งงบประมาณ 3. เป็นการซ่อมแซมปรับปรุงให้คืนสภาพเดิมโดยไม่เป็นโครงการในลักษณะการก่อสร้างใหม่ 4. เป็นโครงการที่ไม่กระทบต่อแผนการป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
นางฐิติมา กล่าวว่า ผลการพิจารณาครั้งนี้ ไม่รวมการดำเนินการของ จ.ศรีสะเกษ และ จ.ยโสธร เนื่องจากได้รับแจ้งจากจังหวัดว่า อยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงการให้สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ จึงไม่สามารถสรุปผลการพิจารณาได้ และไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสถานีอนามัย เนื่องจากได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวแล้ว

**รับเละ 128 โครงการ 3.8 แสนล.
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันนี้ได้เห็นชอบในหลักการโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาคเหนือ ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ- เชียงใหม่ ระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงระบบป้องกันน้ำท่วมทางภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 128 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท แต่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจ้าของการลงทุนเสนองบผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง และคณะกรรมการ กยอ.เพื่อกลั่นกรองงบให้เหมาะสมเนื่องจากโครงการลงทุนทั้งประเทศระยะยาวต้องใช้เงินลงทุนถึง 2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายกิตติรัตน์ และกระทรวงการคลัง ( นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล) เร่งจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2556 ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานจัดทำงบให้สอดคล้อง กับการป้องกันน้ำท่วมและโครงการก่อสร้างระยะยาวของรัฐบาล เพราะต้องการจัดทำงบให้เสร็จในเดือนกันยายนโดยยังเป็นงบประมาณแบบขาดดุล แต่มีแนวโน้มจะลดลง เนื่องจากรายได้รัฐบาลเริ่มดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

** ทำรถไฟเร็วสูงกทม.-เชียงใหม่
นายกิตติรัตน์ เปิดเผย ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการ โครงการโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภาคเหนือ ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ ระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงระบบการป้องกันปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้น ในภาคเหนือ รวมกว่า 128 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 380,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนองบประมาณผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง และให้คณะกรรมการ กยอ. เพื่อกลั่นกรองงบประมาณให้เหมาะสม เนื่องจากโครงการลงทุนส่วนใหญ่เป็นแผนระยะยาว

** 3.3 หมื่นล้านรับจำนำมันสำปะหลัง
นายกิตติรัตน์ แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้เปิดรับจำนำมันสำปะหลังตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 พ.ค. ในราคา 2.75 บาท/กิโลกรัม โดยจะมีการ ปรับราคาขึ้นทุกเดือน เดือนละ 5 สตางค์ ซึ่งจะใช้วงเงินหมุนเวียนและงบประมาณจ่ายขาดในการดำเนินการ คาดว่าจะวงเงินรวมสองส่วนไม่เกิน 3.3 หมื่นล้านบาท โดยมี 4 หน่วยงาน คือ กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการเกษตร ธกส. และองค์การคลังสินค้า ในการรับจำนำมันสำปะหลัง โดยจำกัดการรับจำนำที่ 250 ตัน/ราย ทั้งนี้ในช่วงสิ้นปีจะต้องเลิกใช้เบนซิน91 และให้ใช้แก๊สโซฮอลล์91 แทน ดังนั้นทำให้ความต้องการในการใช้พืชพลังเพื่อการผลิตเอทานอลจึงสูงขึ้น
นอกจากนี้ที่ประชุมครม.ยังเห็นชอบสนับสนุนให้ผลิตเอทานอลนอกจากผลิตเพื่อใช้ในประเทศมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายพลังงานแล้วยังให้ผลิตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย

**หนุนเลิกใช้เบนซิน 91
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อไปนี้ ที่ประชุมยังได้ยืนยันตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่เสนอให้นำแก๊สโซฮอล์ 91 มาใช้แทนน้ำมันเบนซิน 91 ที่จะยกเลิกภายในปีนี้ และสนับสนุนเรื่องของการส่งออกเอทานอลไปต่างประเทศให้มากกว่าการที่จะส่งเป็นวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว และที่ประชุมยังมอบหมายให้มีการดูแลเกษตรกรในเรื่อง วงเงินสินเชื่อของเกษตรกร ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ ธ.ก.ส.ได้วางหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรผ่อนชำระสินเชื่อภายใน 1 ปี ทำให้เกษตรกรต้องรีบขุดมันสำปะหลังออกมาจำหน่าย เพื่อให้มีเงินนำไปชำระหนี้ได้ ส่งผลทำให้คุณภาพของมันสำปะหลังในช่วงที่ผ่านมามีปัญหา ซึ่งตนจะไปหารือเรื่องนี้กับ ธ.ก.ส. เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรให้มากขึ้น
นอกจากนี้ตนจะสั่งการให้กรมการค้าภายใน เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของลานมันต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในเรื่องของการประเมินระดับความชื้นของมันสำปะหลัง และการผสมสิ่งเจือปนเพื่อเพิ่มน้ำหนักมันสำปะหลังก่อนส่งออก ทำให้ช่วงที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของสินค้าไทยเสียหายในสายตาต่างประเทศ
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอการตั้งปริมาณการรับจำนำหัวมันสดไว้ที่ 15 ล้านตัน แต่ที่ประชุมเห็นว่าจะเป็นจำนวนมากเกินไป จึงปรับลดลงมาเหลือที่ 10 ล้านตัน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเบื้องต้นของหน่วยปฏิบัติการหลัก ทั้ง 4 หน่วยงานนั้น ได้มีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 51,648.45 ล้านบาท โดยแยกเป็นแหล่งเงินหมุนเวียนในส่วนของ ธ.ก.ส. เพื่อรับซื้อหัวมันสด จำนวน 41,250 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายขาดในการชดเชยดอกเบี้ยและบริหารสินเชื่อ จำนวน 1,890.62 ล้านบาท ส่วนองค์การคลังสินค้า8,454.64 ล้านบาท กรมการค้าภายใน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ ส่วนกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับเงิน 33.196 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจากมีการปรับลดจำนวนการรับจำนำมันสำปะหลังลงมา ทำให้วงเงินในการดำเนินการลดลง ส่วนเงินหมุนเวียนที่ใช้รับซื้อหัวมันสด ก็ให้ใช้งบประมาณร่วมกับโครงการรับจำนำข้าวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าที่ผ่านมามีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวนน้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น