xs
xsm
sm
md
lg

จำนำข้าว “อภิมหาประชานิยม” เดิมพัน แม้ว-ปู!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเป็นเพราะต้องเกทับบลัฟแหลก พรรคประชาธิปัตย์ให้ออกมาตรงกันข้ามไปเสียทุกเรื่องหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แต่ภาพที่ปรากฏล้วนออกมาแบบนี้จริงๆ

โครงการจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน หลังจากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็ได้ยกเลิกโครงการ “ประกันรายได้” ทันที และเริ่มโครงการใหม่ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 ไปสิ้นสุดในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 โดยมีระยะเวลาในการไถ่ถอน 4 เดือน

 อย่างไรก็ดี เพื่อให้รับทราบข้อมูลเป็นเบื้องต้น ก็ต้องรู้ว่าการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 นั้นมีเรื่องของความชื้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นดังนี้

ราคารับจำนำข้าวเปลือกที่ “ความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์” ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 20,000 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 18,000 บาท, ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 16,000 บาท, ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดสั้น ตันละ 15,000 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท

สำหรับวงเงินที่ทาง กขช.เสนอครม.พิจารณาสำหรับโครงการรับจำนำ ที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/2555 โดยเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินการของหน่วยปฏิบัติหลักได้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมการค้าภายในรวมทั้งสิ้น 435,547 ล้านบาท แยกเป็นวงเงินหมุนเวียนที่ใช้ในการรับจำนำข้าวจำนวน 25 ล้านตัน จำนวน 410,000 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด จำนวน 25,547 ล้านบาท

ก็ต้องบอกว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นการ “หักมุม” ครั้งสำคัญ เปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลในยุคพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับไปสู่แบบเดิมที่เคยทำมาก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาถึงโครงการรับจำนำข้าวในอดีต ล้วนมีปัญหาทุจริตกันอย่างมโหฬาร ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักการเมือง โรงสีที่เข้าร่วมโครงการและผู้ส่งออก ทำให้รัฐขาดทุน แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการจำกัดจำนวนปริมาณข้าวในการรับจำนำ แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายคิดเป็นจำนวนเงินมหาศาล

สำหรับในฤดูการผลิตปีนี้ที่กำลังจะเริ่มดีเดย์กันในวันพรุ่งนี้ (7 ตุลาคม) เป็นการรับจำนำแบบไม่อั้นหรือที่เรียกว่า “รับจำนำทุกเม็ด” ทำให้ต้องใช้จำนวนเงินรองรับจำนวนถึงกว่า 4.3 แสนล้านบาท มันก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่ารัฐบาลมีมาตรการในการป้องกันปัญหาการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือได้มากเพียงใด และที่ผ่านมาหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับโครงการในลักษณะดังกล่าว เพราะนอกจากไม่เชื่อมั่นในกลไกการควบคุมแล้วยังมีปัญหาในเรื่องการ “บิดเบือนกลไกตลาด”

อย่างไรก็ดี สำหรับชาวนาอาจจะชอบใจกับโครงการดังกล่าว เพราะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็รับรู้ว่า จำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท แต่นั่นต้องเป็นข้าวที่มีความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่ในความเป็นจริงยังมีข้าวของชาวนาส่วนใหญ่มีความชื้นที่ 25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นวงกว้างแบบนี้ ทำให้ต้องเร่งเกี่ยวข้าวก่อนกำหนด ความชื้นยิ่งสูงยิ่งทำให้จำนำได้ราคาต่ำ และที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นก็คือ เวลานี้ไม่มีข้าวอยู่ในมือแม้แต่เม็ดเดียวแล้ว เพราะจมหายไปกับสายน้ำเรียบร้อยแล้ว

สำหรับโครงการรับจำนำข้าว ถือว่าเป็น “อภิมหาประชานิยม” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นการวางเดิมพันของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำในนามของทักษิณ ชินวัตร เพราะถ้ามีความสำเร็จ นั่นก็ย่อมหมายความว่าพวกเขาจะเป็นขวัญใจของชาวนา รากหญ้าอย่างแท้จริง ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก และที่ผ่านมาก็เป็นฐานเสียงสำคัญให้กับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งในเมื่อเป็นโครงการใหญ่ มันก็ย่อมมีปัญหามีช่องโหว่ตามมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต รวมถึงผลประโยชน์หากตกไม่ถึงชาวนาอย่างแท้จริง จะทำให้ความรู้สึกในทางบวกเริ่มผิดเพี้ยนไป

ในทางการเมืองสำหรับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในครั้งนี้ หากเป็นสถานการณ์ปกติรับรองว่าจะต้องมีการตีปี๊บ สร้างข่าวโปรโมตกันอย่างหนักอยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่าโชคไม่เข้าข้าง เมื่อต้องมาเจอกับปัญหาน้ำท่วมที่ยืดเยื้อยาวนาน และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ทำให้กลบเรื่องดังกล่าวเสียแทบสนิท กลายเป็นว่าสิ่งที่ชาวนากำลังต้องการในเวลานี้ก็คือจะมีการช่วยเหลือในเรื่อง “หนี้สิน” ที่กำลังหมดเนื้อหมดตัวอย่างไรมากกว่า

ดังนั้น นาทีนี้ถ้าให้ประเมินความรู้สึกของคนในพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ากำลังลุ้นให้นโยบายจำนำข้าวออกมาประสบความสำเร็จดังเปรี้ยงปร้าง เพราะมีผลต่อแรงสนับสนุนจากชาวบ้านที่เป็นฐานอันสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อยู่ข้างหลังอย่าง ทักษิณ ชินวัตร เพราะนี่คือเดิมพันครั้งสำคัญ หลังจากหลายนโยบายที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ในทางปฏิบัติยังไม่ “โดน” มีการบิดพลิ้วปฏิบัติไม่ตรงกับที่ได้หาเสียงเอาไว้ มีการปรับเปลี่ยนกันรายวัน กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันถ้าพลาดซ้ำอีก โดยเฉพาะเกิดการทุจริตขึ้นมาเป็นตัวอย่าง รับรองว่า ดูไม่จืดแน่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น