ที่ประชุม ครม.หว่านงบ 8,174 ล้านบาทเยียวยาเกษตรกรน้ำท่วม อัดเพิ่มชาวนาจาก 606 เป็น 2,222 บ.ต่อไร่ ชงคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (กชภอ.) คุมเงิน หวั่นทุจริต แนะเกษตรกรรีบยื่นแบบภายในเวลาที่แต่ละจังหวัดกำหนด
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ อัตรา และขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 54 เป็นกรณีพิเศษ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.54 เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนด้านพืชกับกรมส่งเสริมการเกษตร ด้านประมงกับกรมประมง และด้านปศุสัตว์กับกรมปศุสัตว์ สำหรับอัตราการให้ความช่วยเหลือกรณีพิเศษแต่ละด้าน ในกรอบวงเงินการช่วยเหลือรวม 8,174.5458 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.ด้านพืช คิดเป็นเงิน 7,741.8994 ล้านบาท แยกเป็นในส่วนของข้าวที่ปรับเพิ่มเงินช่วยเหลือจากเดิมอัตราไร่ละ 606 บาท เป็นอัตราไร่ละ 2,222 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 3,150 บาท พืชสวนและอื่นๆ อัตราไร่ละ 5,098 บาท กรณีเสียหายสิ้นเชิงช่วยเหลือเกษตรกรในอัตราร้อยละ 55 ของต้นทุนการผลิตรวมเฉลี่ยต่อไร่ ปี 54 และช่วยเหลือตามพื้นที่ที่เสียหายจริงร้อยละ 100 กรณีพืชสวนและอื่นๆได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต แต่ไม่ตาย และยังอยู่ในสภาพฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ให้ช่วยเหลืออัตราไร่ละ 2,549 บาท กรณีพื้นที่การเกษตรถูกดินทับถม ได้รับความเสียหายให้ช่วยเหลืออัตราไร่ละ 7,000 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่
นางฐิติมากล่าวอีกว่า ในด้านประมง คิดเป็นเงิน 331.4864 ล้านบาท แยกเป็นในส่วนของปลาทุกชนิด อัตราไร่ละ 4,225 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กุ้ง ปู หอย อัตราไร่ละ 10,920 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กระชัง บ่อซีเมนต์ อื่นๆ อัตราตารางเมตรละ 315 บาท รายละไม่เกิน 80 ตารางเมตร ทั้งนี้ การช่วยเหลือตามอัตราและเกณฑ์ข้างต้น ในกรณีพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายที่เกินจากเกณฑ์การช่วยเหลือ ให้ได้รับความช่วยเหลืออีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ส่วนที่เกินนั้น ส่วนด้านปศุสัตว์ คิดเป็นเงิน 101.1600 ล้านบาท ช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ปี 52 ในกรณีได้รับความเสียหายที่เกินจากการช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยฯ ให้ได้รับความช่วยเหลืออีกครึ่งหนึ่งของความเสียหายส่วนที่เกินนั้น
โฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ถูกต้อง จึงเห็นควรให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (กชภอ.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเสียหายด้านการเกษตรระดับหมู่บ้าน ที่มีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ตามแบบยื่นความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (แบบ กษ 01) รวมทั้งจัดทำเวทีประชาคม เพื่อตรวจสอบข้อมูลความเสียหายนั้น และรายงานให้ กชภอ.พิจารณาต่อไป
“ขอให้เกษตรกรผู้ได้รับความเสียหาย และประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ แจ้งขอรับการช่วยเหลือตามแบบยื่นความจำนงขอรับการช่วยเหลือ ภายในระยะเวลาการยื่นแบบตามที่จังหวัดได้ประกาศไว้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป” นางฐิติมาระบุ
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ อัตรา และขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 54 เป็นกรณีพิเศษ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.54 เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนด้านพืชกับกรมส่งเสริมการเกษตร ด้านประมงกับกรมประมง และด้านปศุสัตว์กับกรมปศุสัตว์ สำหรับอัตราการให้ความช่วยเหลือกรณีพิเศษแต่ละด้าน ในกรอบวงเงินการช่วยเหลือรวม 8,174.5458 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.ด้านพืช คิดเป็นเงิน 7,741.8994 ล้านบาท แยกเป็นในส่วนของข้าวที่ปรับเพิ่มเงินช่วยเหลือจากเดิมอัตราไร่ละ 606 บาท เป็นอัตราไร่ละ 2,222 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 3,150 บาท พืชสวนและอื่นๆ อัตราไร่ละ 5,098 บาท กรณีเสียหายสิ้นเชิงช่วยเหลือเกษตรกรในอัตราร้อยละ 55 ของต้นทุนการผลิตรวมเฉลี่ยต่อไร่ ปี 54 และช่วยเหลือตามพื้นที่ที่เสียหายจริงร้อยละ 100 กรณีพืชสวนและอื่นๆได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทำให้ชะงักการเจริญเติบโต แต่ไม่ตาย และยังอยู่ในสภาพฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ให้ช่วยเหลืออัตราไร่ละ 2,549 บาท กรณีพื้นที่การเกษตรถูกดินทับถม ได้รับความเสียหายให้ช่วยเหลืออัตราไร่ละ 7,000 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่
นางฐิติมากล่าวอีกว่า ในด้านประมง คิดเป็นเงิน 331.4864 ล้านบาท แยกเป็นในส่วนของปลาทุกชนิด อัตราไร่ละ 4,225 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กุ้ง ปู หอย อัตราไร่ละ 10,920 บาท รายละไม่เกิน 5 ไร่ กระชัง บ่อซีเมนต์ อื่นๆ อัตราตารางเมตรละ 315 บาท รายละไม่เกิน 80 ตารางเมตร ทั้งนี้ การช่วยเหลือตามอัตราและเกณฑ์ข้างต้น ในกรณีพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายที่เกินจากเกณฑ์การช่วยเหลือ ให้ได้รับความช่วยเหลืออีกครึ่งหนึ่งของพื้นที่ส่วนที่เกินนั้น ส่วนด้านปศุสัตว์ คิดเป็นเงิน 101.1600 ล้านบาท ช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ปี 52 ในกรณีได้รับความเสียหายที่เกินจากการช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยฯ ให้ได้รับความช่วยเหลืออีกครึ่งหนึ่งของความเสียหายส่วนที่เกินนั้น
โฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส ถูกต้อง จึงเห็นควรให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (กชภอ.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเสียหายด้านการเกษตรระดับหมู่บ้าน ที่มีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ตามแบบยื่นความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (แบบ กษ 01) รวมทั้งจัดทำเวทีประชาคม เพื่อตรวจสอบข้อมูลความเสียหายนั้น และรายงานให้ กชภอ.พิจารณาต่อไป
“ขอให้เกษตรกรผู้ได้รับความเสียหาย และประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือ แจ้งขอรับการช่วยเหลือตามแบบยื่นความจำนงขอรับการช่วยเหลือ ภายในระยะเวลาการยื่นแบบตามที่จังหวัดได้ประกาศไว้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป” นางฐิติมาระบุ