"มาร์ค"อัดนโยบายพลังงานล้มเหลว หลอกลวงประชาชน เห็นฐานะของปตท.สำคัญกว่าความเดือดร้อนของประชาชน เชื่อราคาสินค้าพุ่งแน่ หลังรัฐบาลมีนโยบายซ้ำเติมคนจน ขึ้นทั้งค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลว่า จากเดิมบอกว่าจะลดรายจ่ายด้านพลังงาน เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อน แต่วันนี้ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่าก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพราะประสบกับปัญหาน้ำท่วม แล้วยังมาเจอซ้ำเติมด้วยการขึ้นราคาพลังงานทุกประเภท กลายเป็นว่า นโยบายที่หาเสียงไว้ กลายเป็นโปรโมชั่นสั้นๆ แต่ประชาชนต้องมารับภาระที่สูงขึ้น และอีกเรื่องที่ใช้ไม่ได้คือ นโยบายทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามมา ตนเชื่อว่า ค่าขนส่งจะขยับก่อนเพื่อน ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มแล้ว จากนั้นสินค้าก็จะขยับราคาโดยอ้างต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายพลังงานของรัฐบาล ยังทำลายบทบาทกองทุนน้ำมัน ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ไม่ต้องการให้มีการแกว่งตัวตามตลาดโลกมากเกินไป และการที่รมว.พลังงาน ระบุว่า ไม่มีนโยบายที่จะเก็บเงินจากคนกลุ่มหนึ่งไปชดเชยให้กลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ความจริง กองทุนน้ำมันเป็นกลไกที่สามารถกำหนดนโยบายด้านพลังงาน เช่น เบนซิน ที่ทั่วโลกยอมรับว่า ต้องรณรงค์ให้คนใช้น้อยลง จึงควรเก็บเงินมาชดเชยพลังงานที่จำเป็น เช่นก๊าซหุงต้ม รัฐควรจะอุดหนุน แต่รมว.พลังงาน ก็เตรียมขึ้นราคา ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นทรัพยากรของชาติ และมีปริมาณเพียงพอที่จะใช้ในครัวเรือน สมัยรัฐบาลตนเคยมีการตรวจสอบตัวเลข และต้นทุนการผลิต ที่อ้างกับราคาที่ค้างอยู่ไม่แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญในทางการเมือง เพราะพรรคเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงว่า จะกระชากค่าครองชีพลงมา ทำให้พลังงานถูกลง แต่สุดท้ายกลับทำเพียงแค่ 3-4 เดือน แล้วทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ ผลักภาระให้ประชาชน ขณะที่นโยบายเพิ่มรายได้ ไม่ว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
" ผมรู้สึกตกใจที่รมว.พลังงาน พูดในสภาว่า เคยถามคนใช้เบนซิน และดีเซล หรือไม่ว่า พร้อมใจที่จะเอาเงินไปช่วยเรื่องก๊าซ ถ้าใช้หลักการนี้ วันนี้ผู้เสียภาษีก็พร้อมใจถามว่า เคยถามพวกเขาไหม ที่เอาเงินภาษีไปให้คนทำผิดกฏหมายในการชุมนุม ผมคิดว่ารัฐมนตรีห่วงฐานะปตท. มากกว่าฐานะของประชาชน และยังเปิดเผยตัวเลขข้างเดียว ที่อ้างว่าขาดทุนสะสมเอ็นจีวี 3.8 หมื่นล้าน ต้องบอกด้วยว่า ในช่วงเวลาเดียวกันมีกำไรสะสมกี่แสนล้าน การคืนกำไรบางส่วน มาช่วยคนยากจนนั้นเหมาะสม เพราะปตท.ยังเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าขณะนี้ปตท.เป็นของรัฐครึ่งเดียวเพราะถูกนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ อีกครึ่งเป็นของภาคเอกชน จะเกี่ยวข้องกับรมว.พลังงานหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่โดยสรุปสิ่งที่ รมว.พลังงานทำคือ เห็นฐานะปตท.สำคัญกว่า ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่อ้างเสมอว่าเป็นพรรคคนจน แต่ซ้ำเติมคนจนทุกอย่างทั้งค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซ ขึ้นราคาหมด แต่เงินเดือนและค่าแรงยังไม่ให้ ตนขอย้ำว่าความเป็นรัฐวิสาหกิจของปตท.จะต้องแบกรับภาระบางส่วนให้กับประชาชนเพราะกำไรทุกบาทกลับคืนมาที่รัฐบางเพียงแค่ 50 สตางค์เท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลว่า จากเดิมบอกว่าจะลดรายจ่ายด้านพลังงาน เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อน แต่วันนี้ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่าก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพราะประสบกับปัญหาน้ำท่วม แล้วยังมาเจอซ้ำเติมด้วยการขึ้นราคาพลังงานทุกประเภท กลายเป็นว่า นโยบายที่หาเสียงไว้ กลายเป็นโปรโมชั่นสั้นๆ แต่ประชาชนต้องมารับภาระที่สูงขึ้น และอีกเรื่องที่ใช้ไม่ได้คือ นโยบายทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามมา ตนเชื่อว่า ค่าขนส่งจะขยับก่อนเพื่อน ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มแล้ว จากนั้นสินค้าก็จะขยับราคาโดยอ้างต้นทุนที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ นโยบายพลังงานของรัฐบาล ยังทำลายบทบาทกองทุนน้ำมัน ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ไม่ต้องการให้มีการแกว่งตัวตามตลาดโลกมากเกินไป และการที่รมว.พลังงาน ระบุว่า ไม่มีนโยบายที่จะเก็บเงินจากคนกลุ่มหนึ่งไปชดเชยให้กลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ความจริง กองทุนน้ำมันเป็นกลไกที่สามารถกำหนดนโยบายด้านพลังงาน เช่น เบนซิน ที่ทั่วโลกยอมรับว่า ต้องรณรงค์ให้คนใช้น้อยลง จึงควรเก็บเงินมาชดเชยพลังงานที่จำเป็น เช่นก๊าซหุงต้ม รัฐควรจะอุดหนุน แต่รมว.พลังงาน ก็เตรียมขึ้นราคา ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะเป็นทรัพยากรของชาติ และมีปริมาณเพียงพอที่จะใช้ในครัวเรือน สมัยรัฐบาลตนเคยมีการตรวจสอบตัวเลข และต้นทุนการผลิต ที่อ้างกับราคาที่ค้างอยู่ไม่แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญในทางการเมือง เพราะพรรคเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงว่า จะกระชากค่าครองชีพลงมา ทำให้พลังงานถูกลง แต่สุดท้ายกลับทำเพียงแค่ 3-4 เดือน แล้วทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ ผลักภาระให้ประชาชน ขณะที่นโยบายเพิ่มรายได้ ไม่ว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
" ผมรู้สึกตกใจที่รมว.พลังงาน พูดในสภาว่า เคยถามคนใช้เบนซิน และดีเซล หรือไม่ว่า พร้อมใจที่จะเอาเงินไปช่วยเรื่องก๊าซ ถ้าใช้หลักการนี้ วันนี้ผู้เสียภาษีก็พร้อมใจถามว่า เคยถามพวกเขาไหม ที่เอาเงินภาษีไปให้คนทำผิดกฏหมายในการชุมนุม ผมคิดว่ารัฐมนตรีห่วงฐานะปตท. มากกว่าฐานะของประชาชน และยังเปิดเผยตัวเลขข้างเดียว ที่อ้างว่าขาดทุนสะสมเอ็นจีวี 3.8 หมื่นล้าน ต้องบอกด้วยว่า ในช่วงเวลาเดียวกันมีกำไรสะสมกี่แสนล้าน การคืนกำไรบางส่วน มาช่วยคนยากจนนั้นเหมาะสม เพราะปตท.ยังเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าขณะนี้ปตท.เป็นของรัฐครึ่งเดียวเพราะถูกนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ อีกครึ่งเป็นของภาคเอกชน จะเกี่ยวข้องกับรมว.พลังงานหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่โดยสรุปสิ่งที่ รมว.พลังงานทำคือ เห็นฐานะปตท.สำคัญกว่า ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่อ้างเสมอว่าเป็นพรรคคนจน แต่ซ้ำเติมคนจนทุกอย่างทั้งค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซ ขึ้นราคาหมด แต่เงินเดือนและค่าแรงยังไม่ให้ ตนขอย้ำว่าความเป็นรัฐวิสาหกิจของปตท.จะต้องแบกรับภาระบางส่วนให้กับประชาชนเพราะกำไรทุกบาทกลับคืนมาที่รัฐบางเพียงแค่ 50 สตางค์เท่านั้น