xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” แนะผู้ใหญ่ทำตัวอย่างที่ดี หวั่นปรับ ครม.ทำบริหารสะดุด ห่วงรัฐผลักภาระ ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.เปิดอาคาร ร.ร.สันติธรรม นครสวรรค์ แนะผู้ใหญ่ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับเด็ก จี้ รมว.ศธ.ประเมินผลแจกแท็บเล็ต วอนสานปฏิรูป หวั่นเปลี่ยนเก้าอี้ตามโควต้าทำบริหารขาดความลงตัว เตือนปรับ ครม.ต้องตอบแทนสังคมไม่ใช่คนกันเอง ห่วงรัฐผลักภาระประชาชน ซัดนโยบายพลังงานทำลายกองทุนน้ำมัน ชี้รัฐขึ้นค่าก๊าซทำไม่ถูก ฉะ “พิชัย” เห็น ปตท.สำคัญกว่าคนจน

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ จ.นครสวรรค์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ได้ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และได้เป็นประธานพิธีเปิดอาคารเรียนโรงเรียนสันติธรรม อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยได้กล่าวถึงการพัฒนาด้านการศึกษาว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่และติดตามในเรื่องที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้มีการลงทุนสร้างความพร้อมให้กับสถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพและสร้างความพร้อมให้ครู ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเยาวชน โดยมีโครงการโรงเรียนดีประจำตำบล ที่สามารถขยายการรองรับเยาวชนได้จากเดิม 100 คนเป็น 500 คนในขณะนี้ พร้อมกับแนะนำรัฐบาลว่าการลงทุนด้านการศึกษาต้องทำทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่โครงการเกี่ยวกับครูเพื่อเตรียมความพร้อมของเด็ก ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนเพราะเด็กได้รับข่าวสารอย่างใกล้ชิด ดังนั้น หากผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีก็จะส่งผลต่อเด็ก และการที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายเกี่ยวกับการแจกแทปเล็ตมากกว่าการปฏิรูปการศึกษาก็อยากให้ตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเพียงจุดเล็กๆ และอาจจะถูกวิจารณ์ว่ากระทบต่อการพัฒนาการของเด็ก อย่างไรก็ตาม การจัดงบประมาณของรัฐบาลจัดในวงแคบๆ เฉพาะเด็ก ป.1 ในบางโรงเรียนเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการประเมินผลหลังจากดำเนินการโครงการด้วย

“ผมอยากให้รัฐมนตรีสานต่อเรื่องการปฏิรูปการศึกษา เพราะส่งผลต่อการสร้างคนเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องให้มีทิศทางชัดเจน โดยควรเปิดใจกว้างอย่าคิดว่าเป็นของรัฐบาลไหนเพราะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความไม่สบายใจที่มีข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง รมว.ศึกษาฯ ว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้งานดีขึ้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเปลี่ยนเพราะเรื่องของโควตาก็จะทำให้การบริหารในกระทรวงศึกษาขาดความลงตัวต่อเนื่อง โดยอยากให้นำบทเรียนที่เกิดขึ้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี 5-6 คน ทำให้การปฏิรูปการศึกษาสะดุดในช่วงเวลานั้น จึงไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก คนที่เป็นผู้นำรัฐบาลควรเอาใจใส่ต่อการสร้างคน เพราะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ

ส่วนที่มีข่าวว่านายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อาจได้ดำรงตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะได้ตำแหน่ง รมว.มหาดไทยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากให้การปรับ ครม.เป็นการตอบแทนสังคม ไม่ใช่ตอบแทนคนกันเอง เพราะการปรับ ครม.ต้องมีเป้าหมายเพื่อให้การบริหารงานดีขึ้น ส่วนกรณีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ที่อาจถูกปรับออกจากตำแหน่งนั้น อาจเป็นเพราะมีความขัดแย้งด้านนโยบาย แต่เห็นว่าตำแหน่งหลักๆ ไม่ควรเปลี่ยนบ่อย เพราะหากปรับ ครม.แล้วภาพลักษณ์ไม่ดีขึ้นก็จะกระทบต่อรัฐบาล เนื่องจากหากปรับเพราะโควตาหรือเพื่อลดความขัดแย้งภายใน หรือเพราะมีสัญญาระหว่างกันทำให้ต้องเริ่มงานใหม่ จะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารประเทศ

นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความกังวลกรณีที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลางคลัง กำหนดให้อธิบดีกรมบัญชีกลางหาแนวทางนำเงินคงคลังมาลงทุนว่า ขณะนี้การบริหารเงินคงคลังไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่รัฐบาลกลับหมกมุ่นอยู่กับการหาเงินมากองไว้เพื่อใช้จ่าย แต่ไม่ทบทวนความคุ้มค่าของการใช้เงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงเพราะรัฐบาลมองทุกแหล่งเงิน แต่เมื่อถูกซักถามว่าจะนำเงินไปทำอะไรก็ไม่สามารถตอบได้ชัดเจน และการที่จะให้กรมบัญชีกลางนำเงินคงคลังบางส่วนไปฝากธนาคารพาณิชย์จะต้องระวังเพราะผลตอบแทนกับความเสี่ยงจะมาคู่กัน และต้องเข้าใจว่าเงินคงคลังเป็นทรัพย์สินส่วนรวมมีไว้สำรองเพื่อใช้จ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่มีความเสี่ยง และตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพียงแต่ทบทวนการใช้จ่ายและวางแผนในอนาคตต้องไม่ทำอะไรพิสดารที่จะกระทบกับความมั่นคงของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่รัฐบาลพยายามที่จะนำทั้งเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และสุดท้ายหันมาที่เงินคงคลังเพราะหมดปัญญาหารายได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่ารัฐบาลกำลังใช้วิธีหาเงินว่าหยิบจับตรงไหนมาได้ก่อนเพื่อนำมาใช้จ่ายตามใจชอบ และยังผลักภาระให้กับประชาชน เช่น นโยบายพลังงาน นั้นใช้ไม่ได้เพราะเป็นการซ้ำเติมประชาชน จากเดิมบอกว่าจะลดพลังงานเพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อน แต่วันนี้ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่าก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพราะประสบกับปัญหาน้ำท่วมและยังมาเจอซ้ำเติมด้วยการขึ้นราคาพลังงานทุกประเภท กลายเป็นว่านโยบายที่หาเสียงกลายเป็นโปรโมชั่นสั้นๆ แต่ประชาชนต้องมารับภาระที่สูงขึ้น และอีกเรื่องที่ใช้ไม่ได้คือ นโยบายทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามมา ตนเชื่อว่าค่าขนส่งจะขยับก่อนเพื่อน ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มแล้ว จากนั้นสินค้าก็จะขยับราคาโดยอ้างต้นทุนที่สูงกขึ้น

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากนี้นโยบายพลังงานของรัฐบาลยังทำลายบทบาทกองทุนน้ำมัน ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไม่ต้องการให้มีการแกว่งตัวตามตลาดโลกมากเกินไป และการที่รมว.พลังงานระบุว่า ไม่มีนโยบายที่จะเก็บเงินจากคนกลุ่มหนึ่งไปชดเชยให้กลุ่มหนึ่ง ทั้งที่ความจริงกองทุนน้ำมันเป็นกลไกที่สามารถกำหนดนโยบายด้านพลังงาน เช่นเบนซิน ที่ทั่วโลกยอมรับว่าต้องรณรงค์ให้คนใช้น้อยลง จึงควรเก็บเงินมาชดเชยพลังงานที่จำเป็นเช่นก๊าซหุงต้ม รัฐควรจะอุดหนุนแต่ รมว.พลังงานก็เตรียมขึ้นราคา ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะเป็นทรัพยากรของชาติ และมีปริมาณเพียงพอที่จะใช้ในครัวเรือน สมัยรัฐบาลตนเคยมีการตรวจสอบตัวเลข และต้นทุนการผลิตที่อ้างกับราคาที่ค้างอยู่ไม่แตกต่างกันมากนัก อีกทั้งเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญในทางการเมืองเพราะพรรคเพื่อไทยปราศรัยหาเสียงว่าจะกระชากค่าครองชีพลงมาทำให้พลังงานถูกลง แต่สุดท้ายกลับทำเพียงแค่ 3-4 เดือนแล้วทำในสิ่งตรงกันข้ามคือผลักภาระให้ประชาชน ขณะที่นโยบายเพิ่มรายได้ไม่ว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี 15,000บาทก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง

“ผมรู้สึกตกใจที่ รมว.พลังงานพูดในสภาฯ ว่าเคยถามคนใช้เบนซินและดีเซลหรือไม่ว่าพร้อมใจที่จะเอาเงินไปช่วยเรื่องก๊าซ ถ้าใช้หลักการนี้ วันนี้ผู้เสียภาษีก็พร้อมใจถามว่า เคยถามพวกเขาไหมที่เอาเงินภาษีไปให้คนทำผิดกฎหมายในการชุมนุม ผมคิดว่ารัฐมนตรีห่วงฐานะ ปตท.มากกว่าฐานะของประชาชน และยังเปิดเผยตัวเลขข้างเดียวที่อ้างว่าขาดทุนสะสมเอ็นจีวี 3.8หมื่นล้าน ต้องบอกด้วยว่าในช่วงเวลาเดียวกันมีกำไรสะสมกี่แสนล้าน การคืนกำไรบางส่วนมาช่วยคนยากจนนั้นเหมาะสม เพราะ ปตท.ยังเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชน”

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ปตท.เป็นของรัฐครึ่งเดียวเพราะถูกนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ อีกครึ่งเป็นของภาคเอกชน จะเกี่ยวข้องกับ รมว.พลังงานหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่โดยสรุปสิ่งที่ รมว.พลังงานทำคือ เห็นฐานะ ปตท.สำคัญกว่า ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่อ้างเสมอว่าเป็นพรรคคนจน แต่ซ้ำเติมคนจนทุกอย่างทั้งค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซ ขึ้นราคาหมด แต่เงินเดือนและค่าแรงยังไม่ให้ ตนขอย้ำว่าความเป็นรัฐวิสาหกิจของ ปตท.จะต้องแบกรับภาระบางส่วนให้กับประชาชนเพราะกำไรทุกบาทกลับคืนมาที่รัฐบางเพียงแค่ 50 สตางค์เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น