ASTVผู้จัดการรายวัน-เมื่อช่วงค่ำพุธที่ 11 ม.ค.55 มีการแข่งขันฟุตบอลมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ 2011 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรีมย์ พีอีเอ ณ สนามศุภชลาศัย ซึ่งเกมนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีร่วมเป็นสักขีพยานท่ามกลางแฟนบอลทั้งสองทีมที่เดินทางมากให้กำลังใจกันเนืองแน่น
โดย ร็อบบี ฟาวเลอร์ ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ใส่ชื่อตัวเองลงสนามเป็น 11 คนแรก ประสานงาน “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกทีมชาติไทย ประชันความคมกับ แฟรงค์ โอฮานซา และ แฟรงค์ อาชีมปง คู่หูอันตรายของ บุรีรัมย์ฯ
ในครึ่งแรก “ปราสาทสายฟ้า” เดินหน้าลุยได้ลุ้นก่อนจากจังหวะ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค วิ่งมาซัดบอลจากแถวสองข้ามคาน แต่นาทีที่ 24 “กิเลนผยอง” พลาดโอกาสทองในการได้ประตูนำ เมื่อ ฟาวเลอร์ ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของแผงหลังบุรีรัมย์ฯ ก่อนผ่านบอลให้ ธีรศิลป์ วิ่งเข้ามาชาร์จผ่านมือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ไปแล้วทว่าลูกหนังกลิ้งหลุดเสาไปอย่างฉิวเฉียด ถัดมายอดทีมจากแดนอีสานเกือบได้เฮบ้าง โอฮานซา สลัดการประกบของ ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ เข้าไปซัดหนีมือ กวิน ธรรมสัจจานันท์ แต่บอลพุ่งแฉลบเสา ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง บุรีรัมย์ฯ เดินเกมเต็มสูบและมีโอกาสพังประตูติดๆ กัน แต่ กวิน ยังคงโชว์ซูเปอร์เซฟ นาทีที่ 71 เมืองทองฯ บุกต่อเนื่องจนได้ลุ้นฟรีคิกระยะ 30 หลา กลางประตู แต่ ดัสกร ปั่นด้วยขวาบอลผ่านเสาแรกไปแบบน่าเสียดาย ถัดมา “ปราสาทสายฟ้า” ได้โอกาสจากลูกซัดไกลแถวสองของ แอบโบ ทว่า กวิน ยังโชว์ฟอร์มสมฉายา “กวินบินได้” ช่วยทีมไว้ได้อีกครั้ง เกมสนุกเข้มข้นแต่ครบ 90 นาที ทำอะไรกันไม่ได้ต้องต่อเวลา 30 นาที
ซึ่งช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกรับสนุก อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีที่ 108 บุรีรัมย์ฯ มาได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะ แอบโบ ไขว้ต่อไปให้ อาชีมปง แตะด้วยขวามาเข้าซ้ายก่อนซัลโวบอลแซกหน้า กวิน เช็ดคานล่างกระดอนเข้าประตู และก็เป็นสกอร์นำชัยส่ง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ฯ ฝืนยิ้มขึ้นไปรับแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ จากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เท่ากับว่า “ปราสาทสายฟ้า” ซิวดับเบิลแชมป์ฤดูกาล 2011 หลังจากได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกก่อนหน้านี้ อีกทั้ง บุรีรัมย์ฯ ยังมีลุ้น “ทริปเปิลแชมป์” หากฝ่าด่าน การท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ในรอบชิงโตโยต้า ลีกคัพ 4 กุมภาพันธ์
โดย ร็อบบี ฟาวเลอร์ ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ใส่ชื่อตัวเองลงสนามเป็น 11 คนแรก ประสานงาน “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกทีมชาติไทย ประชันความคมกับ แฟรงค์ โอฮานซา และ แฟรงค์ อาชีมปง คู่หูอันตรายของ บุรีรัมย์ฯ
ในครึ่งแรก “ปราสาทสายฟ้า” เดินหน้าลุยได้ลุ้นก่อนจากจังหวะ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค วิ่งมาซัดบอลจากแถวสองข้ามคาน แต่นาทีที่ 24 “กิเลนผยอง” พลาดโอกาสทองในการได้ประตูนำ เมื่อ ฟาวเลอร์ ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของแผงหลังบุรีรัมย์ฯ ก่อนผ่านบอลให้ ธีรศิลป์ วิ่งเข้ามาชาร์จผ่านมือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ไปแล้วทว่าลูกหนังกลิ้งหลุดเสาไปอย่างฉิวเฉียด ถัดมายอดทีมจากแดนอีสานเกือบได้เฮบ้าง โอฮานซา สลัดการประกบของ ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ เข้าไปซัดหนีมือ กวิน ธรรมสัจจานันท์ แต่บอลพุ่งแฉลบเสา ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0
ลุยต่อครึ่งหลัง บุรีรัมย์ฯ เดินเกมเต็มสูบและมีโอกาสพังประตูติดๆ กัน แต่ กวิน ยังคงโชว์ซูเปอร์เซฟ นาทีที่ 71 เมืองทองฯ บุกต่อเนื่องจนได้ลุ้นฟรีคิกระยะ 30 หลา กลางประตู แต่ ดัสกร ปั่นด้วยขวาบอลผ่านเสาแรกไปแบบน่าเสียดาย ถัดมา “ปราสาทสายฟ้า” ได้โอกาสจากลูกซัดไกลแถวสองของ แอบโบ ทว่า กวิน ยังโชว์ฟอร์มสมฉายา “กวินบินได้” ช่วยทีมไว้ได้อีกครั้ง เกมสนุกเข้มข้นแต่ครบ 90 นาที ทำอะไรกันไม่ได้ต้องต่อเวลา 30 นาที
ซึ่งช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกรับสนุก อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีที่ 108 บุรีรัมย์ฯ มาได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะ แอบโบ ไขว้ต่อไปให้ อาชีมปง แตะด้วยขวามาเข้าซ้ายก่อนซัลโวบอลแซกหน้า กวิน เช็ดคานล่างกระดอนเข้าประตู และก็เป็นสกอร์นำชัยส่ง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ฯ ฝืนยิ้มขึ้นไปรับแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ จากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เท่ากับว่า “ปราสาทสายฟ้า” ซิวดับเบิลแชมป์ฤดูกาล 2011 หลังจากได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกก่อนหน้านี้ อีกทั้ง บุรีรัมย์ฯ ยังมีลุ้น “ทริปเปิลแชมป์” หากฝ่าด่าน การท่าเรือไทย เอฟซี ไปได้ในรอบชิงโตโยต้า ลีกคัพ 4 กุมภาพันธ์
