นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILLเปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการ Green MILL ว่าภายหลังจากที่ได้ทดลองเดินเครื่องผลิตตั้งแต่ช่วงปลายปี 54 ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันถือว่าได้ผลในระดับที่น่าพอใจและคาดว่าจะผลิตพร้อมจำหน่ายสินค้าได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะทำให้ MILL สามารถรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวได้ภายในไตรมาสแรกปีนี้เลย
" เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้จะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการ Green MILL ได้แล้ว ซึ่งจากนี้นักลงทุนจะได้เห็นปัจจัยพื้นฐานของ MILL เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะโครงการกรีนมิลล์จะก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เป็นระยะเวลา 8 ปี อีกทั้งเป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial
grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added
ซึ่งจะผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น และจะผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น(margin) ของ MILL ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยมีสิทธิ์ที่จะไต่ระดับขึ้นไปถึง 15% จากการดำเนินธุรกิจเหล็กโดยปกติ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับประมาณ 3-5% เท่านั้น "
สำหรับเป้าหมายของ MILL ในปี 55 คาดว่ารายได้จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% หรือประมาณ 17, 000 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปี 54 ซึ่งเตรียมที่จะประกาศผลประกอบการรอบปี 54 เดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ที่ระดับประมาณ 15,000 ล้านบาท
โดยแนวโน้มธุรกิจเหล็กปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะขยายตัวตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ขณะเดียวกันผลกระทบจากการเกิดเหตุอุทกภัยในช่วงปลายปี 54 ซึ่งในช่วงนั้นมีปัญหาด้านโลจิสติกส์ไม่สามารถที่จะจัดส่งสินค้าได้ ทำให้โครงการก่อสร้างหลายโครงการชะลอตัว ส่งผลมาถึงปัจจุบันมีความต้องการใช้เหล็กมากขึ้น ทั้งในส่วนของโครงการที่ต้องก่อสร้างต่อเนื่อง โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น และยังมีงานซ่อมแซมอันเกิดจากปัญหาอุทกภัย ดังนั้นจึงถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับธุรกิจเหล็ก
" เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้จะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการ Green MILL ได้แล้ว ซึ่งจากนี้นักลงทุนจะได้เห็นปัจจัยพื้นฐานของ MILL เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะโครงการกรีนมิลล์จะก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เป็นระยะเวลา 8 ปี อีกทั้งเป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลิต billet ทั้งระดับ commercial
grade ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กเส้น เหล็กข้ออ้อย และ billet ระดับ special grade เพื่อสร้างสินค้าที่เป็น high value added
ซึ่งจะผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น และจะผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น(margin) ของ MILL ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยมีสิทธิ์ที่จะไต่ระดับขึ้นไปถึง 15% จากการดำเนินธุรกิจเหล็กโดยปกติ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับประมาณ 3-5% เท่านั้น "
สำหรับเป้าหมายของ MILL ในปี 55 คาดว่ารายได้จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% หรือประมาณ 17, 000 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปี 54 ซึ่งเตรียมที่จะประกาศผลประกอบการรอบปี 54 เดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ที่ระดับประมาณ 15,000 ล้านบาท
โดยแนวโน้มธุรกิจเหล็กปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าจะขยายตัวตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ขณะเดียวกันผลกระทบจากการเกิดเหตุอุทกภัยในช่วงปลายปี 54 ซึ่งในช่วงนั้นมีปัญหาด้านโลจิสติกส์ไม่สามารถที่จะจัดส่งสินค้าได้ ทำให้โครงการก่อสร้างหลายโครงการชะลอตัว ส่งผลมาถึงปัจจุบันมีความต้องการใช้เหล็กมากขึ้น ทั้งในส่วนของโครงการที่ต้องก่อสร้างต่อเนื่อง โครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น และยังมีงานซ่อมแซมอันเกิดจากปัญหาอุทกภัย ดังนั้นจึงถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับธุรกิจเหล็ก